สุเทพเผยเบื้องหลังพลิกขั้ว

การจัดตั้งรัฐบาลผสมที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำครั้งนี้ ประสบความสำเร็จได้เพราะมีกลุ่มเพื่อนเนวินเป็นตัวแปรสำคัญ กระทั่งเกิดเซอร์ไพรส์พลิกขั้วการเมือง

เหตุการณ์นี้เริ่มต้นจากจุดไหน มีการเดินเกมอย่างไร เหตุใดศัตรูคู่อาฆาตอย่าง "สุเทพ-เนวิน" จึงกลับมากอดคอกันได้

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ผู้จัดการรัฐบาล ปลีกตัวจากการติดต่อจัดตั้งครม.มาให้สัมภาษณ์พิเศษกับ"ข่าวสด"  

รู้สึกอย่างไรที่พรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง

ร้างเวทีมานาน ประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านมาร่วม 10 ปี แต่อาศัยที่พรรคเป็นสถาบัน คนเก่าคนแก่ยังอยู่เยอะ ฉะนั้นการจัดทีมงานจึงไม่หนักใจ เราทำงานกันเป็นทีมอยู่แล้ว มั่นใจว่าไปได้

ร่วมงานกับคนที่เคยอยู่ขั้วอำนาจเก่ามีความยากง่ายอย่างไร

ผมเป็นคนใจกว้าง เพื่อนฝูงรู้ดี พูดคำไหนคำนั้น อย่างจัดรัฐบาลคราวนี้พรรคต่างๆ ที่เจรจากับผม ไม่มีปัญหาเลย ผมให้สิ่งที่เขาปฏิเสธไม่ได้ เช่น เคยคุมกระทรวงนี้ ผมก็ให้ทั้งที่จำนวน ส.ส.ของเขาลดลง นี่คือสัญญาสุภาพบุรุษที่คุยกัน

เริ่มต้นเจรจาเปลี่ยนขั้วการเมืองตั้งแต่เมื่อไร

ผู้แทนฯทุกคนทุกข์ใจมานานแล้ว แม้แต่คนซีกโน้นก็ทุกข์ บ้านเมืองมีปัญหา ต่างก็เห็นว่ารัฐบาลเดิมไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ทุกคนคุยกันเรื่อยว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ก็คิดถึงเรื่องยุบสภา ลาออก รวมถึงเรื่องฟอร์มรัฐบาลใหม่

ในที่สุดก็ตกผลึกว่าเราต้องหานายกฯที่ไม่ใช่นอมินีของพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร แล้วจัดรัฐบาลใหม่โดยความร่วมมือจากหลายฝ่าย สำคัญคือต้องเอาประชาธิปัตย์เข้าร่วม

ขณะที่คิดก็ติดปัญหาผู้แทนออกจากขั้วเดิมไม่ได้ จะเอาแค่พรรคเล็กมาร่วมกับประชาธิปัตย์ เสียงก็ยังก้ำกึ่งกับฝ่ายโน้นเพราะเขามีตั้ง 230 กว่าเสียง

แต่ประเด็นสำคัญคือ มาแค่นี้ไม่พอ ต้องมีการแตกตัวจากกลุ่มพรรคพลังประชาชน เราจึงเล็งเป้าไปที่คุณเนวิน ชิดชอบ เนื่องจากกลุ่มก้อนในพรรคพลังประชาชนมี 2 ซีกใหญ่

กลุ่มแรก คือ กลุ่มคุณยงยุทธ (ติยะไพรัช) คุณเยาวภา (วงศ์สวัสดิ์) และคุณหญิงสุดารัตน์ (เกยุราพันธุ์), อีกกลุ่มคือ กลุ่มเพื่อนเนวิน

กลุ่มแรกใหญ่กว่า มีเสียงส.ส.มากกว่า คืนวันลงคะแนนเสียงเลือกนายกฯแทนคุณสมัคร สุนทรเวช (17 ก.ย.51) มีคนกลางพยายามช่วยเราเข้าไปติดต่อ แต่ช่วงนั้นมันฉุกละหุก คุยกันไม่ได้

สำหรับผมมองว่ากลุ่มนั้นใหญ่มาก มีหลายหัว คือหัวหน้าหลายคน เก็บความลับไม่ค่อยได้ ต่างจากกลุ่มเพื่อนเนวินที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดอยู่ที่คุณเนวิน เพียงแต่เล็กกว่าคือมีประมาณ 70 คน

ผมก็พยายามหาทางพบคุณเนวินเพื่อคุยกัน แต่ตอนนั้นยังไม่สำเร็จ เขายังแยกออกมาไม่ได้เพราะไม่มั่นใจ ยังไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นคนอย่างไร พรรคอื่นเป็นอย่างไร สถานการณ์ยังไม่เอื้อ

ต่อมาสถานการณ์พัฒนาไปเอง มีแนวโน้มว่าพรรคพลังประชาชนอาจถูกยุบ ผมจึงเข้าถึงตัวคุณเนวินก็เลยเจรจากัน ผมบอกว่าบ้านเมืองอยู่ไม่รอด คุณกับผมต้องร่วมมือกัน คุณเนวินก็บอกคิดอยู่ว่าหากมีส่วนกอบกู้ประเทศก็ยินดี แต่กลัวว่าจะทำไม่สำเร็จ ผมจึงบอกว่าจะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่กำลังของคุณว่ามีเท่าไร  

แล้วนายเนวินตอบว่าอย่างไร

เขาบอกว่าถ้าแยกตัวออกจากคุณทักษิณก็จะเหลือ 25 เสียง ผมก็มาคำนวณดู ประชาธิปัตย์มี 165 ถ้าได้เขามา 25-30 เสียง ก็จะใกล้เคียงกับพวกที่เหลือข้างโน้น อาจมากกว่านิดหน่อย แล้วพรรคเล็กๆ ถ้าถอนตัวออกมาก็ตั้งรัฐบาลได้แน่

ผมเริ่มเดินเกม คุยกับพรรคเล็ก บอกเขาว่าหากผมดึงทางโน้นออกมา 25 คน พวกคุณจะออกมาอยู่กับผมไหม เขาก็ถามว่าถ้าออกแล้วจะเป็นอะไร ผมตอบว่าออกแล้วก็ได้เป็นรัฐบาลใหม่อีก

เขาถามอีกว่าแล้วเขาจะได้ทำอะไร ผมตอบว่าถ้าเป็นรัฐบาลใหม่ เขาจะได้บริหารกระทรวงเดิม เหมือนอยู่ในรัฐบาลเดิมทุกประการเพียงแต่เปลี่ยนข้างเท่านั้นเอง ระหว่างนั้นศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบ 3 พรรค ทำให้ทำงานง่ายขึ้น และการที่ผมเดินเกมเจรจาเอง ทุกฝ่ายก็เชื่อถือคำพูดผม เลยช่วยๆ กัน

ทั้งหมดต้องยกเครดิตให้กลุ่มเพื่อนเนวินที่ถอนตัวออกมา ทำให้ความสำเร็จเป็นจริง ผมสามารถเอาไปอ้างกับพรรคเล็กได้ จนเขายอมมาอยู่ด้วย

เชื่อใจนายเนวินขนาดนั้นเลยหรือ

ก่อนร่วมมือกับคุณเนวิน ผมก็เช็กเหมือนกันว่าที่เขาบอกมี 25 เสียง จริงๆ แล้วมีเท่าไรแน่ ก็ถามกับส.ส.ทั้งหลาย เก็บข้อมูลเรื่อยมา ได้ความว่าอย่างน้อยต้องมีส.ส.ไม่ต่ำกว่า 15 คนที่ร่วมเป็นร่วมตายกับคุณเนวิน เผลอๆ อาจ 20 กว่าคน

ได้ข่าวว่าคุยเรื่องเปลี่ยนขั้วกันกลางอากาศ

นั่นเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้เคยเจอกันตามที่ต่างๆ แล้ว ก็ทักทายคุยกันนิดหน่อย สั้นๆ ไม่เป็นที่สังเกต ไม่เป็นเป้าใคร แต่เดือนต.ค.ผมเดินทางไปอังกฤษ ลูกชายคนเล็กของภรรยารับปริญญาที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด คุณเนวินบินไปเยี่ยมลูกที่นั่นพอดี จึงขอให้พรรคพวกช่วยประสานให้

เป็นความบังเอิญหรือจงใจที่เดินทางไปอังกฤษ

เอาน่า มันบังเอิญว่าไปแล้วกัน ผมแซะเขามาตลอด พอรู้วันเวลาแล้วก็ขอให้ช่วยติดต่อนัดคุณเนวิน ก็คุยกันที่นั่น นั่งเครื่องบินกลับจากอังกฤษด้วยกันก็คุยกันอีก เรื่องที่ค้างอยู่ก็มาคุยต่อ เราจึงมีความชัดเจนมากขึ้น พอมีเรื่องยุบพรรคจึงเดินหน้าเต็มที่  

นายเนวินต่อรองอะไรบ้างหรือไม่

ผมก็ปฏิบัติต่อเขาเหมือนพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง รัฐบาลเก่าเขาได้ดูแลกระทรวงไหนก็ให้อยู่ที่เดิม

การจับมือกับนายเนวินถูกวิจารณ์ว่าทำลายหลักการ เพราะอดีตเคยเป็นศัตรูคู่อาฆาตในเรื่อง ส.ป.ก.4-01

เรื่องธรรมดา ผมเคยต่อสู้ทางการเมืองกับคนเหล่านี้ แต่วันนี้เมื่อเขาเห็นว่าผมเป็นคนทำงานจริง จริงจังจริงใจ เขาก็เชื่อถือ แม้เราจะเป็นคู่ต่อสู้กัน เขาก็เชื่อว่าผมไม่บิดพลิ้ว พูดจาอะไรก็สัญญาได้

สื่อมวลชนหรือประชาชนข้างนอก พอเห็นนักการเมืองอภิปรายปะทะกันในสภามักคิดว่าต้องเป็นศัตรูกันตลอดชีวิต ขอบอกว่าไม่ใช่ นักการเมืองก็เหมือนนักกีฬา เมื่อขึ้นเวทีก็ต้องต่อสู้ให้สมศักดิ์ศรี ทำตามความเชื่อความศรัทธาของตัวเอง หมดเรื่องแล้วต้องไม่อาฆาตแค้นเป็นการส่วนตัว  

แสดงว่าปัจจุบันรักกันแล้ว

จะให้บอกว่ารักกันคงไม่ใช่ เอาเป็นว่าร่วมทำงานกันได้ เชื่อถือกันได้ เป็นเรื่องของคนที่ทำงานร่วมกัน มีเป้าหมายร่วมกัน

พรรคร่วมเคยสนิทสนมกับพ.ต.ท.ทักษิณ ไว้วางใจได้หรือ

ก็เผื่อใจไว้บ้าง ธรรมดาของการทำงานการเมืองต้องระมัดระวังตัว

รัฐบาลชุดนี้ถูกมองว่าจุดเริ่มต้นเหมือนยุคงูเห่าสมัยรัฐบาลชวน

หนนี้ไม่ใช่งูเห่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ไม่เหมือนปี" 40 เขียนชัดว่าการเลือกนายกฯเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส. ไม่ว่าอยู่พรรคไหนก็ลงคะแนนเสียงเลือกใครได้ ไม่ต้องทำตามคำสั่งพรรค

วันนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าผมไปขโมยส.ส.จากพรรคพลังประชาชน แต่เพราะพลังประชาชนถูกยุบทำให้หมดสภาพความเป็นพรรคการเมือง ส.ส.จึงต้องกระจัดกระจายไปอยู่พรรคโน้นพรรคนี้ ต้องย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ภายใน 60 วันตามรัฐธรรมนูญ ระหว่างนี้เราจึงมีสิทธิ์พูดคุยกับส.ส.ที่โดนยุบพรรคได้

มีข่าวว่าแจกเก้าอี้รัฐมนตรีจนล้นโควตา

ไม่ใช่แจกกระหน่ำหรอก ตอนที่ผมชวนเขาร่วมตั้งรัฐบาลใหม่ก็สัญญาว่าจะให้ดูแลกระทรวงเดิม ฉะนั้นตกลงกับเขาอย่างไรต้องให้ตามนั้น

หลายฝ่ายมองว่ารัฐบาลชุดนี้จะอยู่ไม่นาน แค่มาคุมการเลือกตั้งเท่านั้น  

พวกผมไม่ได้คิดจะมาเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ ตั้งใจจะมาเป็นรัฐบาลของประชาชนจริงๆ อยากให้พี่น้องลืมความทุกข์และความไม่สบายใจทางการเมือง แล้วเริ่มต้นคิดดีๆ ถ้ามีข้อเสนออะไรก็บอกรัฐบาล หากมัวแต่วิตกว่าจะอยู่ได้ 3 เดือน 5 เดือน จะทุกข์ใจเปล่าๆ

ติดต่อกับพ.ต.ท.ทักษิณบ้างหรือไม่

ไม่ได้คุยกันเป็นปีแล้ว การต่อสู้คดีของพ.ต.ท.ทักษิณต้องดำเนินต่อไป รัฐบาลนี้จะไม่ไปล้มล้างหรือทำให้คุณทักษิณจนตรอก แต่จะไม่ช่วยอะไร

วางแผนเจาะพื้นที่ภาคอีสานอย่างไร

ยังไม่คิด ตอนนี้คิดแค่แก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลของประชาชน รับใช้ทุกคนเสมอเหมือนกันโดยไม่เลือกภาค วันนี้จึงไม่พูดเรื่องพื้นที่เลือกตั้ง

เพราะเรามาแก้ปัญหาของชาติ ไม่ใช่แก้ปัญหาของพรรค

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์