พปช.ปริ! ง่อนแง่นไร้สภาพพรรค โฆษกซัด ยงยุทธ หยิ่งผยอง ต้นตอทำพรรคเสี่ยงยุบ ส.ส.อีสานสับเละ

พปช.ตะเข็บแตก โฆษกพรรคชี้ง่อนแง่น กลุ่มต่างๆ ปฏิเสธความมีอยู่ของพรรค ซัด "ยงยุทธ" ต้นตอทำพรรคเสี่ยงยุบ หยิ่งผยอง เข้ามามีบทบาทกำหนดตำแหน่ง รมต. อ้าง กก.บห.พรรคเอือมเตรียมออกแถลงการณ์ ส.ส.อีสานบอกผู้ใหญ่ในพรรคนั่นแหละทำป่วนเหตุเล่นพวก ไล่กรรมการพรรคบริหารไม่ได้ก็ออกไป "ชูศักดิ์" เผยนายกฯคิดหมุนเวียนเก้าอี้การเมือง เพื่อความยุติธรรม ปชป.ไม่เชื่อ รบ.ทำตามคำมั่น

โฆษกชี้พปช.ง่อนแง่นไร้สภาพพรรค

ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน (พปช.) จากกลุ่มเพื่อนเนวิน ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 27 กันยายน ถึงแรงกระเพื่อมที่เกิดจาก ส.ส.กลุ่มต่างๆ ของพรรคที่ไม่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีพากันเคลื่อนไหวว่า ในขณะนี้ความเป็นพรรค พปช.อยู่ในสภาพที่ง่อนแง่นเต็มที่ กลุ่มต่างๆ ตั้งโฆษกของกลุ่มขึ้นมา ถือว่าเป็นการปฏิเสธความเป็นอยู่ของพรรคไปแล้ว เป็นเรื่องที่น่าอเนถอนาถใจเป็นอย่างยิ่ง และเชื่อว่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาของพรรคให้ได้ดีไปมากกว่านี้ เพราะผู้ใหญ่ในพรรคเองก็ไม่สนใจและไม่หวังที่จะประคับประคองอะไรไปมากกว่านี้ ขณะที่ ส.ส.ของพรรคก็ไม่มีขวัญและกำลังใจอะไรเหลืออยู่แล้ว เพราะต่างมองว่าพรรคกำลังจะถูกยุบ วิญญาณจึงไปอยู่พรรคการเมืองใหม่กันหมดแล้ว

"ดังนั้น ขณะนี้บทบาทกรรมการบริหารพรรคสิ้นสภาพลงแล้ว เพราะไม่มีใครมองเห็นเราเลย แต่กลุ่มคนที่มีสิทธิและมีบทบาทเต็มที่ในการจัดรัฐบาลกลับเป็นกลุ่มคนที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ส่งผลให้การแต่งตั้งตำแหน่งรัฐมนตรีไม่ได้พิจารณาว่าใครทำงานที่เป็นประโยชน์ให้กับพรรค แต่เป็นการพิจารณาจากใครเป็นคนของใครและอยู่กลุ่มใด เรื่องนี้ถือเป็นการตบหน้า คมช.ที่จ้องล้มล้างพรรคพลังประชาชน แต่ผลที่ได้กลับไม่เป็นไปตามนั้น เพราะคนที่เขาต้องการทำลายยังอยู่หลังฉากและยังมีอิทธิพลในการกำหนดทิศทางต่างๆ ในพรรคพลังประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปัจจัยดังกล่าวนี้เองทำให้พรรคเกิดความปั่นป่วนอยู่ในขณะนี้" ร.ท.กุเทพกล่าว

ซัดคนต้นเหตุ "ยุบ" ผยองกำหนดเก้าอี้

ร.ท.กุเทพกล่าวว่า คนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ พปช.ถูกยุบมีคดีความเรื่องการซื้อเสียงยังสามารถมีบทบาทในการกำหนดตำแหน่งต่างๆ ในรัฐบาล เกือบทุกตำแหน่ง ขอถามว่าเรื่องนี้เป็นธรรมและเหมาะสมหรือไม่ ที่ทำให้กรรมการบริหารพรรคที่ไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิดต้องมารับผลกรรมด้วย ถือเป็นเรื่องที่โหดเหี้ยมมาก แต่คนคนนั้นยังหยิ่งผยองและกระหยิ่มยิ้มย่องประกาศว่าตัวเองเป็นคนกำหนดตำแหน่งในรัฐบาล

"ถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่ปกติ ผมเห็นว่าวันนี้กรรมการบริหารทั้งชุด โดยเฉพาะหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และโฆษกพรรค จะต้องขอลาออกจากตำแหน่ง เพราะไม่สามารถกำหนดทิศทางการดำเนินการทางการเมืองให้ถูกต้องโปร่งใสได้ แต่วันนี้ลาออกไปก็ไม่มีผลอะไร เพราะอีกไม่นานพรรคก็จะถูกยุบ พวกเราก็จะถูกตัดสิทธิ ซึ่งผมและเลขาธิการพรรคเห็นตรงกันว่าถ้าเราถูกตัดสิทธิก็จะหยุดเคลื่อนไหวใดๆ ทางการเมือง เพื่อให้เป็นตัวอย่างที่ดีและไม่เป็นการสร้างปัญหาเหมือนคนที่ถูกตัดสิทธิในชุดที่แล้ว ที่วันนี้ยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ได้" ร.ท.กุเทพกล่าว

อ้างกก.พรรคเอือมเตรียมแถลงการณ์

ร.ท.กุเทพกล่าวว่า จากนี้ไปการดำเนินการอะไร รวมถึงการกำชับให้ ส.ส.เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร จะขึ้นอยู่กับผู้ที่อยู่ในรัฐบาลจะดำเนินการ กรรมการบริหารพรรคคงจะไม่สามารถจัดการอะไรอีกได้แล้ว "เร็วๆ นี้กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนอาจจะออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนในเรื่องดังกล่าว" ร.ท.กุเทพกล่าว

อนึ่ง นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีต ส.ส.ระบบสัดส่วนกลุ่ม 1 และอดีตรองหัวหน้า พปช.ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจากการได้ใบแดง ส่งผลให้ พปช.ต้องเผชิญคดียุบพรรคในขณะนี้
 
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พปช. กรรมการบริหารพรรคจากกลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า มีความรู้สึกคล้ายๆ กับ ร.ท.กุเทพ และเห็นว่ามรสุมต่างๆ ที่พรรคเผชิญเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กรรมการบริหารพรรคไม่สามารถบริหารงานได้อย่างเป็นปกติ
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุสำคัญมาจากการล้วงลูกการแต่งตั้งตำแหน่งรัฐมนตรีของอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และท่าทีของนายยงยุทธ ที่สนับสนุนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า เป็นความจริงระดับหนึ่ง ซึ่งเห็นว่าการจะพูดอะไรจะต้องระมัดระวังคำพูดโดยคำนึงด้วยว่าจะผิดกฎหมายและความเหมาะสมหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการ พปช. ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กรณีแรงกระเพื่อมที่เกิดจากกลุ่มต่างๆ ในพรรค โดยระบุเพียงว่า เรื่องดังกล่าวกรรมการบริหารพรรคยังไม่มีการหารือกันจึงยังไม่สามารถให้ความเห็นได้

ชี้ผู้ใหญ่ในพรรคเล่นพวกเหตุป่วน

นายประจักษ์ แก้วกล้าหาญ ส.ส.ขอนแก่น พปช. กล่าวว่า ระดับ ส.ส.คงไม่มีอะไรต่อกัน เพราะต่างเข้าใจกันดีหลังพลาดตำแหน่งทางการเมือง แต่ที่มีปัญหาคือผู้ใหญ่ของกลุ่มต่างๆ ที่มีโอกาสพิจารณาตำแหน่งรัฐมนตรี ต่างจัดสรรตำแหน่งให้เด็กของกลุ่มตัวเองหรือคนใกล้ตัวเป็นหลัก จนทำให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถหลายคนขาดโอกาสไปทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกัน ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเอาคนใกล้ตัวไว้ก่อน โดยไม่ได้มองถึงภาพรวมของ ครม. แต่เมื่อแต่งตั้งไปแล้วสังคมก็จะดูการทำงานของคนเหล่านั้นเองว่าทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ หรือทำประโยชน์ให้กับพรรคพวกตัวเอง ซึ่งการตั้งฉายาให้รัฐบาลชุดนี้ก็คงจะดังไปเข้าหูของผู้ที่แต่งตั้งแล้ว ดังนั้น ใครแต่งตั้งใครก็จะต้องรับผิดชอบกันเอง โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ข้างหลังที่สังคมกำลังดูอยู่
 
นายประจักษ์กล่าวกรณีที่กรรมการบริหารพรรคไม่มีบทบาทในการกำหนดทิศทางการเมืองของพรรคได้มากเท่าอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยว่า เมื่อ ส.ส.ลงมติให้เป็นกรรมการบริหารพรรค แต่กรรมการบริหารพรรคไม่มีอำนาจก็สมควรจะลาออกเสีย เพื่อให้คนที่มีอำนาจเข้าไปเป็นกรรมการบริหารพรรคแทน เพราะไม่ทราบว่าจะอยู่ไปทำไม อยู่ไปเพื่อเอาเท่หรือเอาหน้าไปเป็นตุ๊กตาให้เขาไขลานหรืออย่างไร

ชูศักดิ์เผยเหตุชะลอตั้งนั่งเลขานายกฯ

นายชูศักดิ์ ศิรินิล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ถูกวางตัวดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณียังไม่ได้รับการเสนอชื่อเพื่อให้ที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมารับทราบการแต่งตั้งว่า ไม่ได้มีข้อติดขัดทางกฎหมายอะไร และเป็นเรื่องของการต้องกรอกเอกสารเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติในฐานะเป็นข้าราชการการเมือง ซึ่งในส่วนของตนไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะข้าราชการการเมืองในส่วนของเลขาธิการนายกฯนั้น อิงคุณสมบัติเดียวกับรัฐมนตรีที่เพิ่งพ้นจากตำแหน่งมา แต่ที่ ครม.ไม่สามารถมีมติแต่งตั้งออกมาได้ เพราะกรอกเอกสารไม่ทัน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เป็นประธานการประชุมจึงได้แจ้งด้วยวาจาขอแต่งตั้งตน โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 29 กันยายนเป็นต้นไป ส่วนเรื่องเอกสารจะดำเนินการให้เรียบร้อยตามมาอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า นายกฯห่วงติดขัดข้อกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องคุณสมบัติสำหรับข้าราชการการเมืองต่างๆ นายชูศักดิ์กล่าวว่า ในการประชุม ครม.ที่ผ่านมา นายกฯแจ้งให้ ครม.ทราบว่ามันมีคุณสมบัติต่างๆ อยู่ ซึ่งต้องดูให้รอบคอบ ดังนั้น ตอนนี้อย่าเพิ่งเสนอ ส่วนตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของ น.ส.ณหทัย ทิวไผ่งาม ก็เช่นเดียวกัน คือ ติดปัญหาเรื่องการกรอกเอกสาร
 
เวียนเก้าอี้การเมืองเพื่อเป็นธรรม

"เรื่องการตั้งข้าราชการการเมืองนั้น นายกฯอยากให้มองในภาพรวมก่อน เพราะมันเป็นเรื่องของพรรคอะไรต่ออะไร เพราะองค์ประกอบในพรรคมีมาก ทั้งเรื่องโควต้า และการสลับสับเปลี่ยนกันดำรงตำแหน่งที่ในทางปฏิบัติก็ต้องมีการสลับหมุนเวียนกันไป กลุ่มนั้นกลุ่มนี้จะสนับสนุนใคร และที่ผ่านมา ใครยังไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะตำแหน่งมันเยอะ ทั้ง เลขาธิการนายกฯ ที่ปรึกษานายกฯ ที่ปรึกษารัฐมนตรี รองเลขาธิการนายกฯ เลขานุการรัฐมนตรี ที่ปรึกษารัฐมนตรี ทีมโฆษกประจำสำนักนายกฯ จึงต้องดูในภาพรวม ไม่ควรเร่งตั้งทีละขยัก อยากให้มาพร้อมกันทีเดียวทั้งหมดและรอบคอบ จึงให้ดูคุณสมบัติกันให้ดีก่อน" นายชูศักดิ์กล่าว

น.ส.ณหทัยกล่าวว่า เหตุผลที่ยังไม่ได้ตั้งโฆษกประจำสำนักนายกฯเป็นไปตามที่นายสุขุมพงศ์แถลงไปแล้วว่า ติดปัญหาทางเทคนิค ในเรื่องการจัดงานเอกสาร เพราะตามระเบียบขั้นตอน ต้องส่งหนังสือแต่งตั้งอีกหลายขั้นตอน ซึ่งต้องรอกระบวนการให้แล้วเสร็จ และอาศัยระยะเวลา
 
ปชป.ไม่เชื่อรบ.ทำตามคำมั่น
 
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ใน ครม.เงาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับว่า ทำหน้าที่ด้วยความยากลำบากท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมนั้น ควรไปบอกนายกฯให้พิจารณาทบทวนว่าความยากลำบากในการทำหน้าที่ของ ครม.ชุดนี้เกิดขึ้นจากฝีมือและการกระทำของใคร ทั้งๆ ที่รัฐบาลก็รู้ว่ามีวิกฤตหลายด้าน แต่ปรากฏว่ายังรับคำสั่งจัดตั้งรัฐบาลแบบไม่เกรงใจประชาชน ตั้งรัฐบาลแบบไม่เข้าตา มียี้ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด  แทนที่จะตั้งรัฐมนตรีมาแก้ปัญหากลับตั้งรัฐมนตรีที่เป็นตัวเพิ่มวิกฤตตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งที่มีโอกาสตั้ง ครม.ที่เหมาะสม มีความรู้ความสามารถ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็บอกว่า มีอำนาจเด็ดขาด แต่กลับไม่ทำ
 
"นายกฯออกมาประกาศขอให้รัฐมนตรีทุกคนทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ ซื่อสัตย์สุจริต ให้คิดถึงประโยชน์ของประเทศและประชาชน ผมไม่มีความเชื่อมั่นและมองไม่เห็นว่า ครม.ชุดนี้จะทำตามที่นายกฯประกาศได้อย่างไร เพราะในช่วงรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช รัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นคนกลุ่มเดียวกัน รัฐบาลมีพฤติกรรมที่ตรงกันข้ามกับคำประกาศเป็นอย่างมาก ปัญหาที่ทำให้เกิดวิกฤต มาจากความไม่ซื่อสัตย์ มีทุจริตเชิงนโยบาย ผลประโยชน์ทับซ้อน ใช้อำนาจโดยไม่เป็นธรรมและไม่นึกถึงประโยชน์ของประเทศ" นายองอาจ กล่าว
 
จี้ "เฉลิม" ดูแลการใช้บัตรทอง

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า อยากย้ำให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่ รับทราบว่า การดูแลสุขภาพประชาชน ไม่เหมือนกับตำรวจปราบโจร จะต้องมีหลักการ เหตุผล ความเอื้ออารี ไม่ใช่นั้น เกรงว่าประชาชนจะเจ็บป่วยกันมากกว่านี้ อยากฝากให้ ร.ต.อ.เฉลิม เข้าไปดูแลเรื่องการใช้บัตรทองฉุกเฉิน ที่ประชาชนมักถูกปฏิเสธการรักษาจากโรงพยาบาลในสังกัด ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สป.สช.) ทำสัญญาไว้ เช่น ชาวนครสวรรค์คนหนึ่งเข้ามาทำงานรับจ้างที่กทม.ป่วย ปวดท้องรุนแรง โรงพยาบาลเอกชนที่รับตัวไปรักษานำตัวส่งโรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี แต่ถูกปฏิเสธโดยอ้างว่า เป็นบัตรทองของจังหวัดนครสรรค์ เนื่องจากผู้ป่วยปวดท้องรุนแรง จึงจำเป็นต้องขอนอนรักษาตัว ทางโรงพยาบาลจึงเรียกเก็บเงินค่ามัดจำการเข้านอนรักษาพยาบาล 5,000 บาท ในระหว่างนอนรักษาพยาบาล ทางโรงพยาบาลได้วินิจฉัยว่าเป็นโรคลำไส้อุดตัน ถือว่าเป็นโรคที่เร่งด่วน ฉุกเฉิน ก่อนจะผ่าตัดรักษาโรงพยาบาลได้เรียกเก็บค่ามัดจำก่อนการผ่าตัดอีก 10,000 บาท ทั้งที่โรงพยาบาลในสังกัดที่ สป.สช.ทำสัญญาดูแลประชาชนในกรณีฉุกเฉิน ต้องดูแลประชาชนตามหลักการ

ให้สมชายปกป้องกระบวนยุติธรรม

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปัญหาของสถาบันนิติบัญญัตินั้น ก็ชัดว่าสภาผู้แทนราษฎรถูกใช้เป็นเครื่องมือในการต่อรองทั้งภายในพรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้เกิดปัญหาสภาล่ม ก่อให้เกิดวิกฤตบ้านเมืองแบบสัปดาห์เว้นสัปดาห์ ส่วนสถาบันตุลาการมีกระบวนการทำลายความน่าเชื่อถือทั้งจากนอกประเทศ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และมีการใช้สื่อของรัฐเป็นเครื่องมือในการคว่ำกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถาบันตุลาการ วันนี้หากนายสมชายที่เติบโตมาจากสายยุติธรรม ไม่สามารถตอบข้อสงสัยของประชาชน และพิสูจน์ตัวเองได้ว่า พร้อมจะปกป้องกระบวนการยุติธรรม และสถาบันตุลาการของประเทศ ขณะที่นายสมชายอยู่ในช่วงที่ ป.ป.ช.กำลังชี้มูลข้อหาการละเว้นการปราบปรามการทุจริตในวงราชการ กรณีค่าธรรมเนียมของศาลแขวงธัญบุรี ที่รองประธานศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้แจ้งข้อกล่าวหาไว้ คิดว่าสังคมจะไม่มีทางให้อภัย

รับสภาล่มควันหลงพวกชวดรมต.

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พปช.กล่าวถึงเหตุการณ์สภาผู้แทนราษฎรล่ม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ยืนยันว่า ส.ส.ทุกคน โดยเฉพาะ พปช.ไม่ได้จงใจให้เกิดขึ้น แต่เพราะหลายคนติดภารกิจ คงไม่เกี่ยวกับ ส.ส.ในกลุ่มที่พลาดหวังตำแหน่งรัฐมนตรี

"เราเป็นนักการเมือง ต้องมีหน้าที่แก้ปัญหา ไม่ใช่สร้างปัญหา แน่นอนว่า อาจจะมีควันหลงอยู่บ้าง แต่เมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแล้ว ก็จบ จะไปทำอะไรอีกได้ แต่งตั้งอีกก็ไม่ได้ คิดว่า ส.ส.พรรคพลังประชาชนทุกคนรู้ดีว่า มันจบแล้ว ทุกคนต้องช่วยกันประคับประคองให้รัฐบาลเดินหน้าไปได้ คิดว่าสุดท้ายแล้ว ทุกคนรู้ว่า เราคือพรรคพลังประชาชนด้วยกัน" นายจตุพรกล่าว

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์