"อนุพงษ์"เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาความไม่สงบโดยการ "เจรจา" ยึดหลักประชาธิปไตย สร้างความเข้าใจของคนในชาติเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะ ไม่สกัดกั้นผู้ชุมนุมแต่ให้เข้าใจว่าหากเข้ามาใน กทม.จะลุกลามอีก ย้ำไม่ใช้กำลังแก้ปัญหา วอนสื่อรัฐอย่าเลือกข้าง
ที่กองบัญชาการกองทัพไทย เมื่อเวลา 13.40 น. วันที่ 2 กันยายน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก แถลงถึงการประชุมร่วมหลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ประกาศใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพมหานคร เนื่องจากมีกลุ่มบุคคลดำเนินการให้เกิดความวุ่นวาย กระทบความเรียบร้อยต่อประชาชนและความมั่นคงของรัฐ กระทบต่อพัฒนาการประชาธิปไตย จึงต้องแก้ไขปัญหาให้สิ้นสุดโดยเร็ว มีคำสั่งดังต่อไปนี้ ให้ผู้บัญชาการทหารบก รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
อนุพงษ์แถลงใช้แนวทางเจรจายุติปัญหาย้ำไม่ใช้กำลัง นำกำลัง ตร.-หทารป้องกันเหตุปะทะ 2 ฝ่าย
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า
ได้เชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการที่ทำให้สถานการณ์ไม่สงบในกรุงเทพมหานคร ให้สงบเรียบร้อยได้ สรุปว่า จะแก้ไขปัญหาความไม่สงบโดยยึดถือระบอบประชาธิปไตยเป็นหลักในกรอบการดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดการปะทะนำไปสู่การสูญเสียใช้ซึ่งจะใช้มาตราการหลายอย่างรวมกัน
1. สร้างความเข้าใจคนในชาติเข้าใจปัญหาความขัดแย้งที่นำไปสู่การปะทะกันโดยไม่ใช้กำลัง ให้ ประชาชนรู้ว่ามีแนวทางแก้ปัญหา โดยใช้แนวทางเจรจาพูดคุยและทางอื่นที่ทำได้ ภายใต้สังคมไทยด้วยกัน
2. การดำเนินการ สร้างความเข้าใจในภูมิภาคอื่นทั่วประเทศ ว่าการเข้ามาในกรุงเทพฯจะลุกลามบานปลายไปอีก ฝ่ายปกครององค์กรภาคเอกชน ทหารตำรวจจะใช้มาตรการทำความเข้าใจมากกว่าสกัดกั้น
3.การดูแลเมื่อมีคนบางกลุ่มเข้ามาในกรุงเทพฯเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกันขึ้น เห็นว่ากำลังตำรวจกับทหารสามารถรักษาสถานการณ์ไว้ได้ ใช้มาตรการสกัดกั้นไม่ให้ทั้ง 2 ฝ่ายปะทะกัน ไม่ใช้อาวุธเพื่อไม่ให้ทั้ง 2 ฝ่ายปะทะกัน
4.การพูดคุยสร้างความเข้าใจ เป็นมาตรการหนึ่งในทุกๆสื่อว่า สถานการณ์ขณะนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะให้สื่อของรัฐอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง สร้างความเข้าใจของคนในพื้นที่ แนวทางการเจรจากลไกในการแก้ปัญหาการเมืองขณะนี้โดยไม่ใช้กำลัง
พล.อ.อนุพงษ์ ได้กล่าวตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า
หนทางการฝ่าวิกฤติต้องยึดถือกฎหมายเป็นหลัก คำนึงถึงความชอบธรรม ทั้งนี้ยืนยันว่าทหารจะอยู่ข้างประชาชนไม่ใช่ความรุนแรง จะพยายามทำทุกอย่างไม่ให้คนปะทะกันด้วยกำลัง แต่ให้ปะทะด้วยความคิด ส่วนความขัดแย้งทางการเมืองก็ต้องใช้แก้ด้วยการเมือง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรฯ ยืนยันจะปักหลักชุมนุมในทำเนียบฯ ผบ.ทบ. กล่าวว่า
ไม่อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการชุดนี้ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการเฉพาะเรื่องความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างกลุ่มนปก.และพันธมิตรฯ อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้ได้ ส่วนระยะเวลาการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีเป็นผู้กำหนด
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากภาวะความขัดแย้งของคนสองกลุ่ม ซึ่งฝ่ายบริหารไม่สามารถดำเนินการได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม หากต้องการแก้ไขปัญหาดังกล่าวควรจะนำไปสู่สภานิติบัญญัติมากกว่าให้ภาคประชาชนแก้ปัญหา เพราะยากที่จะมีจุดร่วมร่วมกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะทางออกของปัญหานี้ จะให้นายกฯลาออกหรือทหารรจะปฏิวัติ ว่า
ที่ผ่านมายินว่าประชาชนส่วนหนึ่งเรียกร้อง เกินกำลังผมจะทำได้ ต่อข้อซักถามว่า หากการเจรจาไม่ได้ผล แผนต่อไปทหารจะทำอะไร ผบ.ทบ.กล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้มีหน้าแก้ภาวะฉกเฉิน ใช้การเจรจา สื่อสารทำความเข้าใจภูมิภาค มีทุกมาตรการไม่ให้ปะทะกัน โดยใช้ช่องทางเจรจา พูดคุย กฎหมายอะไรก็ตาม
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า
ต้องยอมรับทั้งสื่อโทรทัศน์เอ็นบีทีและโทรทัศน์เอเอสทีวีมีส่วนทำให้สถานการณ์ขยายตัวหรือพัฒนาไปในทางความรุนแรง ซึ่งหากทุกคนยอมรับและเห็นด้วย ก็อาจมีการเจรจาให้ปิดหรือมีมาตรการที่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
ต่อข้อซักถามว่า หากพรุ่งนี้(3 ก.ย.) ทางสหภาพต่างๆ ตัดน้ำตัดไฟจนเกิดความโกลาหล ผบ.มีจุดยืนอย่างไรกับการเมือง ว่า ถ้าทำแล้วแก้ปัญหาได้ แต่ถ้าทำแล้วแก้ปัญหาไม่ได้ และทำให้ประเทศชาติเสียหาย ทุกคนได้รับผลกระทบ ต้องบอกว่าให้ยับยั้งชั่งใจ หากฆ่าหนูตัวเดียวต้องรื้อหลังคาบ้าน มันก็ไม่คุ้ม ต้องค่อยๆ ทำกันไป เพื่อเป็นส่วนร่วม
Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว