จับตา!ส่อลี้ภัยชัด หลังไม่พบชื่อแม้ว-อ้อเช็คอินเที่ยวบินกลับไทยตามที่จองตั๋วไว้

ส่อลี้ภัยชัดขึ้น เมื่อไม่พบชื่อ 'ทักษิณ-พจมาน' เข้าเช็คอินขึ้นเครื่องเที่ยวบินที่จองไว้ ซึ่งมีกำหนดกลับไทย ตามที่คนใกล้ชิดเคยแถลงข่าว ก่อนหน้านี้ การบินไทยยืนยันบุคคลทั้งสองไม่ได้ยกเลิกเที่ยวบินกลับไทยคืนนี้ ชี้ถ้าเปลี่ยนใจก็ไม่จำเป็นต้องแจ้งยกเลิก

ไม่พบชื่อ 'ทักษิณ-พจมาน' เช็คอินเที่ยวบินกลับไทย

ภายหลังมีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ภริยา เตรียมลี้ภัยในต่างประเทศ เพื่อหนีความผิดในคดีต่างๆ นั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 10 สิงหาคมว่า เที่ยวบินทีจี 615 ที่จะเดินทางออกจากกรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นเที่ยวบินที่มีชื่อของบุคคลทั้งสองได้จองตั๋วเดินทางไว้นั้น ได้ทะยานออกจากน่านฟ้าปักกิ่ง ประเทศจีนไปแล้ว แต่กลับไม่พบชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ได้เช็คอินขึ้นเที่ยวบินสายดังกล่าวแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ตลอดช่วงเช้าของวันที่ 10 สิงหาคม มีกระแสข่าวว่า ทั้ง 2 คน ได้ยกเลิกการเดินทางกลับจากกรุงปักกิ่งมายังสนามบินสุวรรณภูมิ โดยแจ้งยกเลิกการจองตั๋วเครื่องบินของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ ทีจี 615 ออกจากกรุงปักกิ่ง ในเวลา 17.35 น. มีกำหนดการถึงสนามบินสุวรรณภูมิในเวลา 21.45 น.อย่างไรก็ตาม ภายหลังตรวจสอบไปยังเจ้าหน้าที่ของสายการบินไทย ยังยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมานไม่ได้ยกเลิกการจองตั๋วเดินทางกลับ

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของสายการบินแจ้งว่า การยกเลิกการจองตั๋วเครื่องบินสามารถทำได้ก่อนเวลาขึ้นเครื่อง 4 ชั่วโมง หรือไม่จำเป็นต้องแจ้งยกเลิกก็ได้ ดังนั้น หาก พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมานจะเปลี่ยนใจไม่เดินทางกลับ ก็ไม่จำเป็นต้องยกเลิกตั๋วเครื่องบินที่จองไว้ก็ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากทั้ง 2 คนไม่เดินทางกลับพร้อมเที่ยวบิน ทีจี 615 ยังสามารถเดินทางกลับได้ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบิน ทีจี 674 ออกเดินทางจากกรุงปักกิ่งเวลา 0.35 น. และมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ  ในเวลา 6.15 น.

ทั้งนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้นัด พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน จำเลยในคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินรัชดา รายงานตัวหลังเดินทางกลับจากต่างประเทศ ในวันที่ 11 สิงหาคมนี้ เวลา 9.00 น. ขณะที่มีรายงานข่าวจากศาลฎีกาว่า หากทั้ง 2 คนไม่มาตามนัด อาจจะขออนุญาตเพื่อออกหมายจับทันที

โฆษกปัดไม่รู้ 'แม้ว-เมีย'ยกเลิกเที่ยวบินกลับไทยคืนนี้

น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธไม่ทราบกรณีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้สั่งให้คนใกล้ชิดรายหนึ่ง เดินทางไปพบที่ประเทศจีนตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาได้มีการยกเลิก เที่ยวบินทีจี 615 จากประเทศจีนเดินทางกลับประเทศไทยในคืน 21.45 น. วันที่ 10 ส.ค. อย่างกระทันหัน โดยระบุ ไม่ได้มีการพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และเพิ่งทราบข่าวจากสื่อ

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้คนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา จะเดินทางกลับประเทศไทยหลังเสร็จสิ้นภารกิจที่ประเทศจีนอย่างแน่นอน เพื่อไปรายงานตัวต่อศาลในวันที่ 11 ส.ค.นี้ พร้อมจะยื่นเรื่องขออนุญาตศาลออกนอกประเทศอีกครั้ง เพื่อไปดูแลสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ ประเทศอังกฤษ ที่กำลังจะเปิดฤดูกาล ในวันที่ 16 ส.ค.นี้  ภายหลังจากที่นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว ได้เดินทางล่วงหน้าไปที่อังกฤษแล้ว

'พิภพ'ท้า'แม้ว' อย่าหนีศาล ถ้าคิดว่าตัวไม่เคยทำความผิด

นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึง กระแสข่าวการลี้ภัยทางการเมือง ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่น่าตัดสินใจที่จะหลบหนีคดีทางการเมืองในช่วงนี้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีเวลาอีกมากก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาในคดีที่ดินรัชดาฯ  ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ คงจะใช้โอกาสที่เหลืออยู่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

นอกจากนี้ นายพิภพ ท้า พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ บอกมาตลอดว่าตัวเองไม่เคยทำผิดก็น่าที่จะมาฟังคำตัดสินของศาลเพราะถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ หนีคดีก็จะหมดศรัทธาต่อความน่าเชื่อถือทางการเมืองทันที

อย่างไรก็ตาม นายพิภพ ยังกล่าวตอบโต้ นายประสงค์ โฆษิตานนท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่มีแนวคิดแก้กฎหมายขยายเวลาการถือครองที่ดินของชาวต่างชาติจาก 90 ปี เป็น 99 ปีว่า
นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไม่จำเป็นต้องเฉือนแผ่นดินไทยขายให้กับชาวต่างชาติ

ทนาย'แม้ว'จี้ธปท.เร่งรัดแบงก์ถอนอายัดเงิน 6.9หมื่นล้าน

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม นายฉัตรทิพย์ ตัณฑประศาสน์ ทนายความส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผย 'มติชน' ว่าภายใน 2-3 วันนี้ ทีมทนายความจะทำหนังสือไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อเร่งรัดให้มีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา เกี่ยวกับกรณีที่สถาบันการเงินต่างๆ ยังไม่ยอมปล่อยทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบุคคลในครอบครัว ที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ออกคำสั่งอายัดทรัพย์ไว้ จำนวนกว่า 6.9 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ คตส.หมดอายุการทำงานไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา

'ทีมทนายความต้องการให้ ธปท. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ มีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งออกมาให้ชัดเจน ก่อนที่จะตัดสินใจดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไป โดยเฉพาะการดำเนินการทางศาลกับสถาบันการเงินต่างๆ ที่ยังไม่ยอมปล่อยทรัพย์คืนให้พ.ต.ท.ทักษิณ และคนในครอบครัว' ทนายความส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณระบุ

นายฉัตรทิพย์ยังยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงกรณีมีกระแสข่าวที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะขอลี้ภัยทางการเมือง โดย พ.ต.ท.ทักษิณยังมีความตั้งใจที่จะต่อสู้คดีตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมต่อไป และขณะนี้ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรร้ายแรง หรือเป็นผลกระทบต่อตัว พ.ต.ท.ทักษิณจนทำให้ต้องลี้ภัย

'ส่วนการเดินทางกลับจากจีนเข้ามาประเทศไทย ในวันที่ 10 สิงหาคมนี้นั้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางกลับมาอย่างแน่นอน' นายฉัตรทิพย์ กล่าว 

ถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณเคยยื่นคำร้องถึงศาลขอเดินทางไปประเทศอังกฤษ ในวันที่ 15-20 สิงหาคมด้วย แต่ไม่ได้รับอนุญาต การรายงานตัวต่อศาลวันที่ 11 สิงหาคมนี้ จะยื่นคำร้องเดินทางไปประเทศอังกฤษใหม่หรือไม่ นายฉัตรทิพย์กล่าวว่า ไม่ขอให้ความเห็น แต่ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณมีเหตุผลก็คงต้องยื่นคำร้องถึงศาล ซึ่งขึ้นกับศาลว่าจะอนุญาตหรือไม่

ถามว่า หากไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศอีกจะทำอย่างไรนายฉัตรทิพย์ กล่าวว่า 'ไม่สามารถให้ความเห็นได้ เนื่องจากเป็นเรื่องของอนาคต และไม่อยากไปก้าวล่วงอำนาจขอศาล'

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม องค์คณะผู้พิพากษา ศาลฎีกาแผนคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีที่ดินรัชดาฯ ได้มีคำสั่งกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จำเลยที่ 1 และคุณหญิงพจมาน จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องลงวันที่ 28 กรกฎาคม 2551 ขอเดินทางออกนอกประเทศ โดยจำเลยที่ 1 จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นและจีนระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม-10 สิงหาคม และจะเดินทางไปประเทศอังกฤษระหว่างวันที่ 15-20 สิงหาคม โดยจำเลยที่ 2 จะเดินทางไปประเทศจีนวันที่ 5-10 สิงหาคม และไปประเทศอังกฤษวันที่ 15-20 สิงหาคม องค์คณะพิจารณาคำร้องและเหตุผลของจำเลยทั้งสองแล้ว อนุญาตให้จำเลยที่ 1 เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นและจีน และให้จำเลยที่ 2 เดินทางไปประเทศจีนตามคำร้อง และเมื่อจำเลยทั้งสอง เดินทางกลับเข้าประเทศให้เดินทางกลับเข้ามารายงานตัวต่อศาลในวันที่ 11 สิงหาคมนี้ ส่วนการเดินทางไปประเทศอังกฤษหากจำเลยทั้งสองต้องการเดินทางก็ให้ยื่นคำร้องเข้ามาใหม่เพื่อให้ศาลพิจารณาตามที่เห็นสมควรต่อไป

วันเดียวกัน ที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานสีสันพรรณไม้เทิดไท้บรมราชินีนาถ ครั้งที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระชนมพรรษา 76 พรรษา จากนั้น พล.อ.เปรมให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่จะให้ประชาชนร่วมแสดงความรักสามัคคีเพื่อถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวันที่ 12 สิงหาคมนี้ ว่า 'นี่เป็นคำถามนำใช่มั้ย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯเป็นพ่อแม่ของคนไทย ดังนั้น พวกเราต้องรู้ว่าควรจะต้องทดแทนบุญคุณพ่อแม่อย่างไร'

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองควรจะเป็นตัวอย่างให้กับประชาชนในการทดแทนบุญคุณหรือไม่ พล.อ.เปรมกล่าวว่า ' สื่ออย่างพวกคุณมีความสำคัญมาก ผมคิดว่าสื่อต้องทำงานหนัก สื่อจะต้องให้ความรู้กับคนในชาติบ้านเมืองว่าควรจะต้องทำอย่างไร และต้องให้ความจริง ต้องให้ความเป็นธรรม ซึ่งเป็นหน้าที่ของสื่ออยู่แล้ว เพียงแต่ผมอยากขอร้องพวกคุณว่าขอให้ทำงานให้หนัก ยิ่งสื่อทำงานหนักมากเท่าไหร่นั่นคือสิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่เป็นประโยชน์กับใครแต่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ แนะนำคนว่าในสถานการณ์ปัจจุบันคนควรทำอย่างไร อยู่ตรงไหน บ้านเมืองถึงจะเกิดความสงบสุขร่มเย็น ผมคิดว่า ผมขอร้องให้พวกคุณทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ' เมื่อถามว่า ขณะนี้สื่อถูกแทรกแซง แต่ พล.อ.เปรม ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ พร้อมกับเดินเลี่ยงผู้สื่อข่าวขึ้นรถออกไป

พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวถึงกระแสข่าวการปฏิวัติเพื่อต้องการช่วยล้มคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่ายังไม่ได้ยินเรื่องนี้ ทหารมีจุดยืน ต้องเชื่อมั่นในเรื่องของศาล เป็นองค์กรสุดท้ายองค์กรหนึ่ง อาจจะไม่สมบูรณ์แบบ 100% แต่ดีกว่าองค์กรอื่น ต้องพยายามช่วยกันให้กำลังใจ จะได้ทำอะไรด้วยความเที่ยงตรงกล้าหาญ มีประสิทธิภาพ ถ้าเกิดอย่างนั้นอย่างนี้แล้วจะปฏิวัติก็หมดท่าไม่มีความคิดแบบนี้อยู่ เมื่อถามว่า ในวงของผู้บัญชาการเหล่าทัพไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ใช่หรือไม่ พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า 'ไม่ใช่ไม่เคยได้ยิน แต่มีความเห็นเล็กๆ น้อยๆ จากคนอื่นมากกว่า ทหารโดยเฉพาะคนที่เป็นหลักทั้งหลาย เขาไม่อยากปฏิวัติ' เมื่อถามว่า จากการประเมินมีความเป็นไปได้หรือไม่ พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า เรื่องอย่างนี้ต้องกู้ชาติ แต่ถ้าเป็นการปฏิวัติเพื่อตัวบุคคล ซึ่งในอดีตทำกันเพื่อชาติทั้งนั้น แต่ในเวลานี้ทหารทั้งหลายคิดว่า แม้แต่คิดเพื่อชาติ หวังดีที่สุดทั้งหลาย มันยังยาก ถึงตั้งใจดีแต่ไม่เหมาะสม

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนโดยเมื่อเดินทางมาถึงกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ได้ขึ้นเครื่องเฮลิคอปเตอร์ เพื่อไปปฏิบัติภารกิจที่ จ.อ่างทองทันที


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์