เจ๊หน่อยกรี๊ด!ปัดสั่งลุยซี้หมัก เลี้ยบส่งกก.บห.เคลียร์2มุ้ง หวังแก้ศึกภายในอีกรอบ

'อีสานพัฒนา' ปัดมีคนชักใย โวมีผู้ส่งหลักฐานให้เพียบ 'สุดารัตน์' ปัดอยู่เบื้องหลังสั่งลุย 'ซี้นายกฯ' โฆษก พปช.วอนก็อย่ากระทืบซ้ำ รับเล็งหาที่อยู่ใหม่แล้ว มั่นใจพรรคที่มีชะตาเดียวกันไม่ทอดทิ้ง 'สมัคร' ไม่ชี้แจง 'แก๊งออฟโฟร์' ปล่อยตามสภาพให้จบด้วยตัวเอง

'ศักดา' โวคนส่งหลักฐานให้เพียบ

ความคืบหน้าความวุ่นวายภายในพรรคพลังประชาชน (พปช.) ซึ่งมีการแฉและสาวไส้กันเองมากมาย จนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคฯ และยังเป็นน้องเขยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ต้องออกโรงมาประสานสิบทิศเอง

เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชาชน (พปช.) แกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา กล่าวว่า การที่มี ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินออกมาระบุในทำนองว่า แกนนำ พปช.อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่มอีสานพัฒนาว่า น่าจะเป็นการวิเคราะห์กันของ ส.ส. มากกว่าที่จะมาจากข้อเท็จจริง แม้ช่วงหลังตนจะเข้าไปที่อาคารชินวัตร 3 เพื่อพบกับแกนนำพรรคเป็นประจำก็จริง แต่เป็นการไปธุระเรื่องงานศพน้องชาย ไม่ใช่การเข้าไปวางแผนการณ์อะไร

"เป็น ส.ส.มาหลายสมัย การเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่างๆ ก็พอมีอยู่บ้าง รวมไปถึงแกนนำกลุ่มอีสานพัฒนาคนอื่นๆ ก็ล้วนเป็น ส.ส.ที่มีความอาวุโสแทบทั้งสิ้น จึงมีข้อมูลเหล่านี้มากมาย ล่าสุดก็มีคนส่งข้อมูลหลักฐานมาที่ตู้รับข้อมูลที่ชื่อว่า ตู้นกกระจอกŽ ของนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พปช. แกนนำกลุ่มอีสานพัฒนาเกี่ยวกับพฤติกรรมมิชอบของบุคคลระดับแกนนำในแก๊งออฟโฟร์มาให้เพิ่มเติมอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาอีกระยะหนึ่งในการรวบรวมก่อนที่จะเปิดเผย" นายศักดากล่าว

'หน่อย' ปัดชักใยอีสานพัฒนา

ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานภาค กทม. และอดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ยืนยันว่า ไม่ได้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่มอีสานพัฒนา และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะต้องคอยดูแลมารดาซึ่งนอนป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบอยู่ที่โรงพยาบาลทุกวัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปชักใยใคร นอกจากนี้ สมาชิก พปช.เองควรที่จะรักสามัคคีกันไว้ ไม่ควรจะเปิดศึกแย่งอำนาจกันเอง หรือนำคนที่ไม่รู้เรื่องไปเกี่ยวข้องกับเกมป้ายสีกันเองด้วย เพราะคนภายนอกมองเห็นแล้วจะไม่เป็นการดีต่อภาพลักษณ์ของพรรค และยังจะทำให้พรรคอ่อนแอลงอีกด้วย

นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พปช.กลุ่มบ้านริมคลอง ที่ใกล้ชิดกับ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า แม้จะมีกลุ่ม ส.ส.ไปร่วมรับประทานอาหารกับ ร.ต.อ.เฉลิมเป็นประจำ แต่ไม่เกี่ยวกับการออกมาแฉข้อมูลคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี หรือแก๊งออฟโฟร์ โดยกลุ่มอีสานพัฒนา เป็น ส.ส.ที่มีความอาวุโสอยู่แล้วคงจะไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง และน่าจะเป็นการเคลื่อนไหวในนามส่วนตัวที่ต้องการให้รัฐบาลมีภาพลักษณ์ที่ดูดีขึ้นและสามารถบริหารประเทศต่อไปได้ในระยะยาวมากกว่า ส่วน ร.ต.อ.เฉลิมก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะไปเคลื่อนไหวทำลายแก๊งออฟโฟร์ และ ร.ต.อ.เฉลิมก็พูดไว้ก่อนหน้าที่จะถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วว่า พร้อมที่จะทำหน้าที่ของ ส.ส.ธรรมดา

'เลี้ยบ' เชื่อพปช.สงบ12ส.ค.

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการ พปช.กล่าวยืนยันว่า พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่พรรคสำรองของ พปช. หาก พปช.ถูกยุบ จะทำให้ตนถูกตัดสิทธิไปด้วยก็ตาม แต่ถึงไม่ถูกตัดสิทธิก็จะไม่ตามไปอยู่กับพรรคอื่นอย่างแน่นอน

"เชื่อว่าความขัดแย้งระหว่างกลุ่มอีสานพัฒนากับกลุ่มเพื่อนเนวินจะได้ข้อสรุปหลังวันที่ 12 สิงหาคม โดยจะให้กรรมการบริหารพรรคคนอื่นเป็นคนเข้าไปพูดคุย หัวหน้าพรรคและผมจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว เพื่อไม่ให้เกิดภาพการเมืองแบบเก่า คือ เอะอะอะไรก็พึ่งแต่หัวหน้า ไม่ก็เลขาธิการพรรค ส่วนผลของการเจรจาจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องขอให้ได้พูดคุยกันก่อน" นพ.สุรพงษ์กล่าว

'เพื่อนเนวิน' อึ้งข้อมูล 'ศักดา'

นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม รองโฆษก พปช. กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า เชื่อว่า น่าจะมีคนอยู่เบื้องกลุ่มอีสานพัฒนาที่ออกมาเล่นงานคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี แต่มีจุดประสงค์อะไรตอบไม่ได้ ตอบได้แค่ว่าไม่หวังดีแน่นอน

"ยอมรับว่า ตอนที่นายศักดา คงเพชร เปิดเผยข้อมูลในที่ประชุมพรรค ทุกคนก็งงทำอะไรไม่ถูก เพราะเป็นข้อมูลใหม่ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเรื่องนี้ต้องมาพูดคุยกันในพรรค ให้ผู้ใหญ่ไกล่เกลี่ย ซึ่งไม่ใช่การซูเอี๋ย หรือทำให้เป็นมวยล้มต้มคนดู เพราะหากคนสนิทนายสมัครคดโกงจริง ใครก็ช่วยเหลือไม่ได้" นายศุภชัย กล่าว และว่า ที่บอกว่า กลุ่มเพื่อนเนวินจะนำ ส.ส.พปช. 70-80 คน ไปรวมกับพรรคประชาธิปัตย์เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ว่า เป็นการปล่อยข่าว แค่คิดก็เสียสติแล้ว เพราะใครก็รู้ว่าคนอีสานไม่เอาพรรคประชาธิปัตย์ และยืนยันว่าภายใน พปช.ทุกคนรักนายใหญ่ ไม่มีใครทรยศและคิดทิ้งนายใหญ่ไปอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์

โฆษกพรรควอนอย่ากระทืบซ้ำ

ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษก พปช. กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มอีสานพัฒนา เตรียมแฉข้อมูลคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ พปช.บอบช้ำมามาก ส.ส.กลุ่มนี้ยังจะมาออกข่าวทำให้พรรคเจ็บป่วยลงทุกวันๆ จึงอยากจะบอก ส.ส.กลุ่มนี้ว่า หากไม่ช่วยกันประคับประคองพรรคก็ขออย่ากระทืบซ้ำเลย หากใครมีข้อมูลอะไรก็ควรดำเนินการส่งให้เจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และยุติการเคลื่อนไหวทำลายพรรคตัวเองเสียทีแล้วอยู่เฉยๆ รอให้มีการตรวจสอบให้เรียบร้อย

ร.ท.กุเทพกล่าวว่า พรรคการเมืองไหน หากโดนสภาพแบบนี้ก็อยู่ลำบากทั้งสิ้น จึงอยากให้ ส.ส.เหล่านี้ยุติการเคลื่อนไหวการกล่าวหาลอยๆ โดยไม่มีการแสดงหลักฐานอะไรออกมา โดยเฉพาะการออกมาบอกว่ามีคนกำลังเตรียมการรวบรวม ส.ส.ย้ายพรรค หรือไปตั้งพรรคการเมืองใหม่นั้นสร้างความเสียหายให้พรรคอย่างยิ่ง

"ไม่รู้ว่าการเคลื่อนไหวโดยไม่มีหลักฐาน เป็นเพราะ ส.ส.กลุ่มนี้ต้องการทำลายพรรคให้เสียหายแล้วหนีออกจากพรรคไปเองหรือเปล่า" ร.ท.กุเทพกล่าว

จับมือพรรคที่มีชะตาเดียวกัน

ร.ท.กุเทพกล่าวถึงกระแสการตั้งพรรคการเมืองใหม่ ว่า สถานการณ์การเมืองปัจจุบันนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะพรรคการเมืองต่างๆ ที่กำลังร่วมชะตากรรมกับ พปช. ที่จะถูกสั่งให้ยุบพรรค จึงต้องมีการเตรียมการเพื่อรับมือหากมีการยุบพรรคเกิดขึ้น คงจะไม่รอให้บ้านไฟไหม้ก่อนแล้วจึงค่อยไปหาบ้านใหม่ พรรคการเมืองต่างๆ ที่ร่วมชะตากรรมเดียวกันก็รับรู้เป็นอย่างดี เมื่อถูกยุบพรรคจะต้องมาจับมือกับ พปช. เพื่อให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาล

"พรรคการเมืองต่างๆ ที่อยู่ในข่ายถูกยุบพรรค ขณะนี้รู้แล้วว่า สถานการณ์การเมืองบีบให้ยุบพรรคแล้วไปรวมกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่พรรคการเมืองเหล่านี้ก็รู้เป็นอย่างดีว่าจะต้องจับมือกับ พปช.เนื่องจากฐานการเมืองในภาคอีสานแน่น" ร.ท.กุเทพกล่าว และว่า พรรคการเมืองใหม่ ไม่จำเป็นต้องเป็นพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคการเมืองไหนก็ได้ หากเป็นพรรคที่ถูกต้องตามกฎหมายและไม่เข้าข่ายว่าจะต้องถูกยุบพรรคซ้ำอีก

จี้'สมัคร'เคลียร์ปม 'ซี้' รับ10ล้าน

นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีที่ นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พปช. กลุ่มอีสานพัฒนา ระบุคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี รับเช็คเงิน 10 ล้านบาท ว่า ขอให้นายกรัฐมนตรีทำความจริงเรื่องนี้ให้ปรากฏ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่ปัญหาความขัดแย้งใน พปช.เท่านั้น แต่เป็นเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าคนที่ออกมาพูดพูดจริง หรือโกหก ไม่เช่นนั้น ประชาชนที่ติดตามการเมืองจะเข้าใจว่า เมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัว ก็มีการนำข้อมูลมาแฉกัน

"เพื่อภาพพจน์ของตัวเองและผลประโยชน์ของประเทศชาติ ขอเรียกร้องนายกฯสมัครต้องทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง ให้ปรากฏต่อสาธารณชนให้ทราบ ต้องไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง ถ้ามีเรื่องการทำผิดจริง ต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)" นายสาธิตกล่าว

อดีตส.ส.ร.เตือนส.ส.ระวังถูกขับ

นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) 2550 กล่าวถึงกระแสข่าวที่พรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อแผ่นดิน จะย้าย ส.ส.มารวมเป็นพรรคเพื่อไทยว่า โดยหลักการย้ายพรรค ส.ส.จะต้องหาพรรคสังกัดใหม่ภายใน 90 วัน เว้นแต่กรณีที่ ส.ส.ถูกพรรคขับออก ตามมาตรา 106 (7) หากการถูกขับออกไม่เป็นธรรม ส.ส. ก็สามารถอุทธรณ์ต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 30 วันนับแต่วันที่พรรคการเมืองมีมติให้ออก แต่ถ้า ส.ส.แห่ลาออกอย่างตั้งใจหรือเจตนาจะออกจากพรรค ศาลรัฐธรรมนูญอาจจะไม่รับพิจารณาก็ได้ เพราะเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญนั้นต้องการให้ ส.ส.มีระเบียบวินัย

"รัฐธรรมนูญมาตรา 106 (7) เขียนไว้เพื่อไม่ให้ ส.ส.ย้ายพรรคโดยพลการ ไม่ใช่อยากออกก็ออก ถ้า ส.ส.จะลาออกจากพรรคการเมืองนั้นๆ ก็ถือว่าพ้นสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ทันที เพราะคุณสมบัติของการเป็น ส.ส.จะต้องสังกัดพรรค แม้จะลาออกวันเดียวแล้วหาพรรคสังกัดใหม่ก็ถือว่าพ้นจากการเป็น ส.ส." นายเสรีกล่าว

ย้ายพรรคใหม่ได้-ห้ามควบรวม

นายสุรชัย เลี้ยงบุญชัย ส.ว.สรรหา และอดีต ส.ส.ร.2550 กล่าวว่า การร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ได้นำบทเรียนจากการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ 2540 มาพิจารณา ซึ่งช่วงนั้นมีกรณีศึกษาว่า มีการเทกโอเวอร์พรรคการเมืองผ่านการควบรวมพรรค โดยผู้มีทุนทางการเมืองเป็นผู้ซื้อพรรคเล็กๆ เข้าไปร่วมสังกัด การทำเช่นนี้ ทำให้เจตนารมณ์ของแข่งขันและเสนอตัวของ ส.ส.ที่จะมาทำงานเพื่อประชาชนถูกบิดเบือนไป ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาทางการเมือง ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้พรรคใหญ่กินพรรคเล็กจึงมีถ้อยคำว่า ระหว่างอายุของสภาห้ามมีการควบรวมพรรคการเมืองไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 104 วรรคสอง

"รัฐธรรมนูญห้ามควบรวมพรรคการเมืองก็จริง แต่ไม่ได้ห้าม ส.ส.ลาออกจากพรรคเพื่อไปอยู่พรรคใหม่ในระหว่างอายุสภา ดังนั้น หาก ส.ส.ในพรรคทั้ง 3 จะลาออกแล้วทิ้งพรรคเก่าเพื่อไปหาพรรคใหม่ก็สามารถทำได้ แต่จะควบรวมพรรคไม่ได้ เพราะต้องยอมรับว่าตรงนี้เป็นช่องว่างของกฎหมายที่ ส.ส.ร.ไม่ได้ห้ามจดทะเบียนพรรคใหม่ เพราะจะถือเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพมากเกินไป แต่อาจมองได้ว่า ส.ส.เหล่านั้นไม่เคารพเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้ ส.ส.ทำงานให้ประชาชนอย่างแท้จริง" นายสุรชัยกล่าว

'ชาติไทย' ยันไม่คิดไปไหน

ด้านนายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า พรรคชาติไทยผ่านร้อนผ่านหนาวและผ่านการเมืองมาทุกรูปแบบจนจะย่างเข้าสู่ปีที่ 35 ยืนยันได้เลยว่า ไม่มีนโยบายควบรวมพรรคการเมืองอย่างเด็ดขาด ส่วนตัวเห็นว่าการควบรวมพรรคการเมืองถือเป็นปัจจัยภายในของพรรคการเมืองนั้นๆ แต่พรรคชาติไทยไม่มีปัญหาภายใน ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องนี้

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงคดียุบพรรคชาติไทย ว่า ยังมีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการตามกระบวนการอีกนาน ส่วนที่ พปช.เตรียมตั้งพรรคใหม่เพื่อรองรับกรณีอาจถูกยุบพรรคนั้น ทางพรรคชาติไทยยังไม่ได้คิดไกลขนาดนั้น

เมื่อถามว่า พปช.มีปัญหาภายในพรรค จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เสถียรภาพรัฐบาล กับเสถียรภาพใน พปช.ไม่ได้สัมพันธ์กัน เพราะในพรรคการเมืองต้องดำเนินการตามระเบียบข้อบังคับพรรค ในพรรคร่วมรัฐบาล ยังไม่มีสัญญาณบ่งบอกถึงการทำงานร่วมกันไม่ได้ และเชื่อว่านายกรัฐมนตรี สามารถฟันฝ่าอุปสรรคทั้งปัญหาในรัฐบาลและปัญหาในพรรคไปได้ โดยใช้ประสบการณ์การทำงานการเมืองมานานมาใช้แก้ปัญหาได้แน่นอน

พผ.หนุนปั้นข้าวเหนียว

นายรณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) กลุ่มบ้านริมน้ำ ที่มีความใกล้ชิดกับนายสุชาติ ตันเจริญ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกระแสการจับมือของพรรคการเมืองต่างๆ กับ พปช. ในการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ร่วมกันหากถูกตัดสินยุบพรรคว่า เรื่องนี้เป็นไปได้อยู่แล้ว เพราะถ้ามองเรื่องฐานการเมืองก็จะพบว่าในการเลือกตั้งปี 2548 พรรคไทยรักไทย ซึ่งต่อมาเป็น พปช.ได้รับเลือกตั้งมาพรรคเดียวถึง 300 กว่าเสียง และเป็น ส.ส.ภาคอีสาน 100 กว่าเสียง เพียงแต่หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 แรงกดดันต่างๆ ทำให้มีความจำเป็นจะต้องแยกย้ายกันไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ และวันนี้มีความชัดเจนเรื่องกลุ่มการเมือง ทำให้โอกาสที่พรรคการเมืองต่างๆ จะกลับไปจับมือกันตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่นั้นเป็นไปได้สูง

"วันนี้เราต้องปั้นข้าวเหนียวให้ติดกันเหมือนเดิม เพื่อให้ภาคอีสานได้เป็นปึกแผ่น โดยกลับมาผนึกกำลังกันผลักดันการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในภาคอีสาน โดยเฉพาะปัญหาเรื่องน้ำที่เป็นปัญหายืดเยื้อยาวนานสำหรับภาคอีสานให้สำเร็จ ซึ่งถ้าเราไม่ปั้นข้าวเหนียวให้ติด โอกาสจะแก้ปัญหาให้พี่น้องชาวอีสานย่อมเป็นไปได้ยาก" นายรณฤทธิชัยกล่าว

'สมัคร' ไม่ยอมเอ่ย 'แก๊งออฟโฟร์'

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวในรายการ "สนทนาประสาสมัคร"ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ถึงสถานการณ์ทางการเมืองเพียงสั้นๆ ในช่วงท้ายของการจัดรายการว่า "ใครจะบอกว่านายกฯไม่ยอมพูดเรื่องการบ้านการเมืองในรายการอีกแล้ว เพราะสถานการณ์จะปรับสภาพของมันเอง โดยที่นายกรัฐมนตรีไม่ต้องไปพูด ไม่ต้องไปย้ำ แต่งานที่ได้บอกไว้ แม้หนังสือพิมพ์จะเขียนวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ทำตามอย่างที่พูด ก็อยากจะบอกว่า ผมพูดแต่ไม่ได้รุนแรงอย่างที่เอาไปตีความหมายกัน ผมกำลังทำอย่างที่ได้กราบบังคมทูลฯไว้ ซึ่งการเมืองจะเข้าที่เข้าทางอย่างไรก็ขอให้ปล่อยไปตามสภาพ"

"ไม่ต้องหรอก จะมีแก๊งเท่าไหร่ เท่าไหร่ แก๊งออฟโฟร์ ผมยังไม่เอ่ยถึง จะเอ่ยถึงแก๊งออฟโฟร์ทำไม เพราะฉะนั้นเรื่องต่างๆ มันจะจบลงด้วยสถานะ สถานความเป็นอยู่ของมัน ไม่มีปัญหา นักข่าวก็คอยตามไล่ คือจะจุดชนวนให้มันลุกอยู่เรื่อย ไม่หรอกครับ" นายสมัครกล่าว และว่า งานการเมือง ตนก็จะทำหน้าที่ของตน คณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ปรับแล้ว ทุกอย่างจะเดินหน้าไป และขออภัยประชาชนที่สอบถามมาในรายการ ที่ไม่ตอบคำถาม เพราะจะไม่ยุ่งการเมือง เนื่องจากเป็นวันมงคล และขอพระราชทานไว้แล้วว่า ต้องอาศัยพระบารมีที่จะทำให้คนไทยหันหน้าเข้ามาหากัน แต่จะได้ไม่ได้ก็อยู่ที่หัวใจของพสกนิกร


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์