สมัครปัดฝุ่นเครื่องเก็บตั๋วกระเป๋ารถเมล์จ่อตกงาน

"สมัคร" ฟื้นแนวคิดสมัยทักษิณ
 
ให้ขสมก.นำระบบเก็บตั๋วอัตโนมัติมาใช้ พร้อมลดจำนวนพนักงานลง ควบคู่กับการเปลี่ยนจากใช้น้ำมันมาเป็นเอ็นจีวีทั้งหมดเพื่อลดภาระขาดทุนสะสม โต้เรื่องเก็บหัวคิวเช่ารถแค่โยนหินถามทาง ด้านสหภาพขสมก.ค้านทันที ตั้งแง่ถ้านำมาใช้ ไม่เลิกจ้างพนักงานเก็บสตางค์

ในรายการสนทนาประสาสมัคร

เมื่อเช้าวันที่ 15 มิถุนายน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยแนวคิดให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) นำระบบเก็บตั๋วโดยสารอัตโนมัติมาใช้ พร้อมกับลดจำนวนพนักงานลงเพื่อแก้ปัญหาการขาดทุนสะสมของขสมก.


นายสมัครกล่าวว่า
 
รถขสมก.เดิมมีอยู่ 6,000 คัน วิ่งไปวิ่งมาทรุดบ้างโทรมบ้าง เหลืออยู่ 3,000 กว่าคัน เมื่อก่อนมีพนักงาน 2 หมื่นกว่าคน ลดลงมาเหลือ 1.8 หมื่นคน และรถที่วิ่งอยู่ในขณะนี้ รถขสมก.จริงๆ วิ่งอยู่ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งให้รถร่วมมาวิ่ง ตรงนี้ก็แบ่งกันทำมาหากิน ก็ทำกันไป รถร่วมถูกกว่าหน่อย ขสมก.แพงหน่อย ก็เป็นระบบช่วยกันอย่างนี้ ซึ่งตรงที่มีรถวิ่งอยู่ 3,000 กว่า มีคนแบกอยู่ 1.8 หมื่นคน ทำให้ขาดทุนปีละหลายพันล้านบาท เดือนหนึ่งขาดทุนประมาณ 600 ล้านบาท เอา 12 คูณ ขาดทุน 6,000-7,000 ล้านบาท 

 "ตัวเลขสะสมถึงวันนี้ คือเป็นหนี้เขาอยู่ 6 หมื่นล้านบาท แล้ววิ่งไป ถ้าเผลอไปเผลอมาไม่สนใจ ก็ต้องถึงแสนล้าน ผมจำได้คลับคล้ายคลับคลาสมัยนั่น จำได้ว่า 1 หมื่นล้าน 1.2 หมื่นล้าน 1.5 หมื่นล้าน บัดนี้มาดูตัวเลขตอนผมโผล่เข้ามา 6 หมื่นล้านครับ คนที่เขาคิดเขาจะต้องดูแลรับผิดชอบ เขาก็ลองดูสิเกิดอะไรขึ้น ก็ถึงว่าเอาวิกฤติเป็นโอกาสที่เขาชอบใช้กันเนี่ย คือเวลานี้รถเติมน้ำมันดีเซล น้ำมันดีเซลลิตรหนึ่งเกือบจะ 40 บาทอยู่แล้ว แต่ถ้าหากว่าใช้แก๊สเอ็นจีวี ราคา 8.50 บาท 10 กว่าบาท สุดแท้แต่ มันน้อยกว่าประมาณ 3 เท่า
 
เขาก็คิดอ่านกันว่าถ้าจะเปลี่ยนองคาพยพ พูดง่ายๆ ว่ารถทั้งหมดหมดสภาพการใช้งานหรือทรุดโทรมอะไรสุดแท้แต่ เขาจะโละออกไปทั้งหมด แปลว่าต่อไปนี้ ขสมก.จะไม่มีรถร้อน ไม่มีรถอะไรแล้วครับ จะวิ่งกันรถแอร์ทั้งนั้น เป็นรถแอร์ทันสมัย และที่ทำได้เพราะใช้แก๊ส เมื่อรถแอร์ใช้แก๊สแล้วราคาก็ถูก เมื่อถูกแล้วจะมีกำไรที่จะสามารถเอาไปเลี้ยงตัวได้ และทำอะไร ก็เอามาคืนให้ประชาชนตรงที่ว่าทำเป็นบัตร เขาเรียกเป็นการ์ด แบกพนักงานไว้ 1.8 หมื่นคน เขาจะออกซะครึ่งหนึ่งให้เออร์ลี่ รีไทร์ จะหาเงินมาจ่ายให้เป็นที่พอใจ" นายสมัครกล่าว

 นายกฯ กล่าาวอีกว่า
 
ต่อไปนี้ใครขึ้นรถก็จะมีบัตรหรือการ์ดเสียบ คนธรรมดามีตั๋วเดือนขึ้นได้ทั้งวัน เมื่อไรก็ได้ เขาประมาณไว้ 900 บาทก็เสียบเข้าไปได้ นักเรียน นักศึกษา โตหน่อยก็เอา 600 บาท นักเรียนเล็กจะเอา 300 บาท ถ้าคนที่เป็นซีเนียร์ ซิติเซน เรียกให้โก้เป็นภาษาฝรั่ง ก็ประชาชนที่อายุมากแล้ว ผู้สูงอายุจะเอา 450 บาท แปลว่าทุกอย่างคิดทอนลงมาแล้วถูกทั้งนั้น ขึ้นได้ทุกวัน 30 วัน คิดทอนมาแล้วก็ถูก


 "เขาทำอย่างนี้ได้เพราะว่าเขาจะลดพนักงานลงไป เขาใช้ตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ ทำไมต้องทำอย่างนี้ครับ ดัดจริตไหม ทันสมัยไหม ไม่ทำไม่ได้หรอกครับ เพราะการสอบสวนของเขาบอกว่า น้ำมันลักลอบเอาไปขายได้ แต่ว่าแก๊สลักลอบไม่ได้ครับ ใส่แก๊สเติมเข้าไปแล้วลักลอบไปขายไม่ได้ แต่น้ำมันถ่ายไปขายได้ ใครจะว่ายังไง ตั๋วทำไมใช้อิเล็กทรอนิกส์ เพราะเวลาตั๋วเขาเรียกภาษาขี่ช้าง เพราะฉะนั้น ยังไง ตั๋ว 10 ใบ ขายได้ 12 ใบ ทำแล้วให้มันเหลื่อมๆ ได้ 12 ก็ขี่ช้าง แล้วได้สตางค์ อย่างน้อยได้กำไร 2 คน สมมติถ้าคนละ 8 บาท ก็ได้ 16 บาท เขาทำอย่างนี้ เขาก็ทำกันแบบนี้ เพราะฉะนั้น ที่เขาป้องกันกันทั้งหมด เขาคิดให้ฟัง เขาบอกว่าถ้ารถเป็นอย่างนี้ รถติดแก๊สทั้งหมดสามารถบริการได้อย่างนี้" นายสมัครกล่าว


 "นอกจากนี้ต้องมีการขู่เข็ญกันเลยว่าพวกรถร่วมก็หากินของคุณต่อไป แต่คุณควรจะพัฒนา คุณจะต้องติดแก๊ส ไม่อย่างนั้นคุณสู้ทางเราไม่ได้ คุณจะต้องดูราคา คุณจะต้องปรับปรุง คุณไม่ปรับปรุงคุณก็แบบนั้น คุณวิ่งได้ ก็พูดกันไว้ชัดเจน" นายสมัครกล่าว
 

 นายกฯ ยังกล่าวถึงเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่า

มีผลประโยชน์จากการเช่ารถมาวิ่ง 6,000 คัน ว่า  สำนวนเขาเรียกว่าโยนหินถามทาง ทำนองนั้น "โอ้โห ขอประทานโทษเถอะ ถ้าเวลาอย่างที่เขาเรียกว่าเอาไก่ลงไปโยนที่ฟาร์มจระเข้ ที่ยังไม่ทันถึงน้ำ โดดงับเลย ทันทีเลย อะไรก็ตามแต่ ใครเลี้ยงสุนัขอยู่รู้จักเลย มันคล่องแคล่ว อะไรต่างๆ โยนปั๊บไม่ถึงดินกระโดดงับเลยทันที ผมก็ไม่กล้ามาใช้กับสำนวนคน นี่เลียบให้ฟังว่าเวลาโยนเขาเป็นอย่างนั้น"


นายสมัครกล่าวว่า

การโยนหินถามทางมีคนจัดการทันที บอกว่าแสดงหลักฐานครบถ้วนหมดเรียบร้อย แล้วข้อกล่าวหาเป็นยังไง ข้อเท็จจริงคือเขากล่าวหาว่ารถได้คันละ 1 ล้านบาท  6,000 คัน ตนได้ 2,000 ล้าน คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ได้ 2,000 ล้าน นายเนวิน ชิดชอบได้ 2,000 ล้าน คนวิ่งเต้นคิดอ่าน ทั้งหมดได้คันละล้าน แล้วจะได้มาจากไหน ในเมื่อหลักการเรื่องนี้คือเขาเช่ารถมาวิ่ง คันละ 5,000 บาท ในหลักการก็จะเช่าเหมือนกัน คือเช่าราคาเหมือนเดิมแต่เอามาแล้วมาปรับปรุงองคาพยพได้ แต่เป็นการเช่ารถ ไม่ได้ซื้อรถ แล้วเขาจะตกลงให้คันละล้านบาทหรือจ่ายค่าเช่าให้คันละล้านหรือ มันเกินไหมครับ


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์