ตร.สรุปจักรภพหมิ่นเบื้องสูง!

"จักรภพ" ซีด! ตร.สรุปคำแปลปาฐกถาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ผิดมาตรา 112 มีโทษจำคุก 3 - 15 ปี ชี้หลักฐานเพียงพอเอาผิดได้ คาดสัปดาห์หน้าสอบพยานเสร็จ พร้อมเปิดทางให้มอบตัวก่อนออกหมายเรียก

วันนี้ (29 พ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)

มีการประชุมคณะกรรมการสอบสวนกรณีการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ของนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมี พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผู้บัญาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เป็นประธาน พล.ต.ท.อดิศร กล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้รายงานผลการสืบสวนสอบหลังจากรวบรวมพยานเอกสารและบุคคล จนเป็นที่น่าพอใจ แต่ก็ยังมีเอกสารบางอย่างที่ต้องรอ เพื่อให้เกิดความรัดกุม ทั้งนี้ บช.ก.และกองปราบปราม จะดำเนินการด้วยความเป็นธรรมกับทุกผ่ายเพราะเป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนจับตาดูอยู่ ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาสำนวนคดีหมิ่นโดยมี ผบช.ก รองผบช.ก และพนักงานสอบสวน สรุปมีมติว่า กรณีนายจักรภพไปพูดที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ มีพฤติกรรมความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ต้องระวางโทษจำคุก 3-15 ปี

ผบช.ก. กล่าวต่อว่า จากนี้ก็จะต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนพยานอีก แต่ไม่มากแล้ว คิดว่าอย่างช้าสัปดาห์หน้า จะเรียกออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาให้เรียบร้อย หรือถ้านายจักรภพรับทราบจากสื่อแล้วจะมามอบตัวก่อน จะมีหมายก็เป็นสิทธิ์ แต่ถ้าไม่มาตามหมายเรียกก็ต้องขออนุมัติศาลออกหมายเรียก

เมื่อถามว่าหลักฐานที่ยังไม่เรียบร้อยคืออะไร พล.ต.ท.อดิศร กล่าวว่า

เป็นเรื่องของทางราชการ ไม่มาก เป็นพยานบุคคล ตลอดจนบุคคลที่มีความรู้ทางอักษรศาสตร์เพิ่มเติม เนื่องจากเอกสารแปลคำพูดนี้มีการแปลออกมาหลายฝ่าย ก็อาจให้ศูนย์การแปล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นเพิ่มเติม ซึ่งหลักฐานที่มีตอนนี้เพียงพอที่ดำเนินคดีได้ แต่บอกไม่ได้ว่าคืออะไรเพราะอยู่ในสำนวน อย่างไรก็ตามแม้การแปลแต่ละที่มาจะแตกต่างกัน แต่เมื่อพิจารณารวมแล้วให้ความเห็นว่าเข้าข่ายความผิดมาตรา 112 ทั้งนี้พนักงานสอบสวนไม่มีความจำเป็นจะต้องเชิญนายจักรภพมาสอบปากคำก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว

“หลังจากนี้ไม่เกิน 10 วัน จะสามารถเสนอเรื่องนี้ส่งให้คณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นสถาบัน ของ สตช.เพื่อพิจารณามีความเห็นอีกครั้งได้ ส่วนคดีกล่าวหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอื่นๆ ที่มีการแจ้งความไว้ก่อนหน้านี้ก็ทำกันอยู่ แต่คดีนี้สังคมเร่งก็ต้องเร่งทำ อะไรที่ให้ความเป็นธรรมต่อสังคมก็ต้องทำให้บริสุทธิ์ถูกต้อง เพราะทุกวันนี้สังคมก็มีปัญหาหลายส่วนอยู่แล้ว คดีเช่นนี้ไม่เหมือนคดีทั่วไปต้องทำอย่างรอบคอบ”ผบช.ก. กล่าว