สมัครนำ6พรรค ตั้งรัฐบาล สุรพงษ์รมว.คลัง [

หลังจากที่ กกต.ประกาศรับรอง ส.ส. 460 คน เพื่อให้สามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ตามเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญ ทำให้สภาวะการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้นนั้น ล่าสุดนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน พร้อมด้วยแกนนำพรรคชาติไทย พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคประชาราช ก็ร่วมกันประกาศจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการทันที

6 พรรคแถลงข่าวร่วมตั้งรัฐบาล
 

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 ม.ค. ที่ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมสุโขทัย แกนนำ 6 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคประชาราช จัดงานแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลผสม โดยทีมงานประชาสัมพันธ์พรรคพลังประชาชนทำฉากประกอบการแถลงข่าว โดยใช้สโลแกนว่า “รวมพลังเพื่ออนาคตที่สดใส ขับเคลื่อนประเทศไทยพ้นวิกฤต” มีรูปธงชาติไทย และโลโก้ 6 พรรคอยู่ด้วย สำหรับบรรยากาศการร่วมแถลงข่าวครั้งนี้ มีแกนนำจากทุกพรรคเดินทางมาอย่างพร้อมเพรียง พรรคพลังประชาชน นำโดยนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรค นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรค ขาดเพียงนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรค และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 6
 

“บรรหาร” ส่ง “เสธ.หนั่น” เป็นตัวแทน
 

ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลนั้น พรรคแรกที่เดินทางมาถึงโรงแรมสุโขทัยคือพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา นำโดย พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรค ร.ต.ประพาส ลิมปะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรค นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรค ตามด้วยพรรคเพื่อแผ่นดิน นำโดยนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรค และนายวัชระ พรรณเชษฐ์ เลขาธิการพรรค ส่วนพรรคประชาราช มีนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรค เดินทางมาเพียงลำพัง สำหรับพรรคชาติไทยนั้น นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ส่ง พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรค และนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรค มาเป็นตัวแทน ขณะที่พรรคมัชฌิมาธิปไตย มีนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรค และ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รองหัวหน้าพรรค มาร่วมงาน
 

“สมัคร” ยาหอมอยู่กันอย่างสบายใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่การแถลงข่าวจะเริ่ม อย่างเป็นทางการ บรรดาแกนนำทั้ง 6 พรรค ได้ทักทายพูดคุยกันนอกรอบอย่างครื้นเครง มีการแซวเล่นแหย่กันอย่างสนุกสนาน นอกจากนี้ นายสมัครได้กล่าวกับบรรดาแกนนำพรรคการเมืองว่า ต้องขอขอบคุณสองพรรค (พรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดิน) ที่ได้แถลงข่าวเข้าร่วม รัฐบาลไป เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา เพราะมีความหมายในทางการเมือง ทำให้เราฝ่าทางตันออกไปได้ 315 เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลจะได้ช่วยกันทำงานรักษาแผลของประเทศ ขอให้ช่วยกันทำงาน จะได้อยู่กันนานๆ แต่จะอยู่ได้ 4, 3, 2 หรือ 1 ปี ก็สุดแท้แต่ แต่เมื่อถึงเวลาหนึ่งที่คิดว่าอยู่กันไม่ได้ หรือจะขัดแย้งกัน ไม่อยากจะอยู่กันแล้ว ก็ควรจะร่วมมือกัน อะไรที่จะแก้ไขก็มาร่วมมือกัน แล้วก็ไปเลือกตั้งกันใหม่   ตนจะไม่ทำอะไรให้เสียหาย ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลช่วยกันทำงาน เราจะอยู่กันด้วยความสบายใจ

อารมณ์ดีแซวพวกพ้อง
 

จากนั้นแกนนำ 6 พรรค ร่วมกันแถลงข่าว ท่าม กลางสื่อมวลชนนับร้อยคน โดยนายสมัครกล่าวว่า ก่อนที่จะมาแถลงข่าวได้นั่งหารือกับแกนนำ 5 พรรค แบบไม่ใส่หน้ากาก เพราะไม่ได้คุยกันมานาน หากจะคุยเรื่องการเมืองมันต้องว่าไปตามหลักการ ได้พูดกับนางอนงค์-วรรณถึงสถานที่ปราศรัยเลือกตั้งที่ดีที่สุดในช่วงที่ผ่านมาว่า สถานที่นั้นคือ จ.สุโขทัย ฉะนั้นวันนี้จึงต้องใช้ โรงแรมนี้มาคุยกัน ไมตรีเริ่มต้นมันต้องนั่งประชุมกัน แต่รัฐบาลใหม่จะอยู่ได้นานเพียงใด ยังตอบไม่ได้ นอกจากนี้ ตนยังแซว พล.ต.สนั่นว่าได้ชมรายการสภาโจ๊กหรือไม่ เพราะมีนักแสดงบางคนหน้าเหมือน พล.ต.สนั่น ซึ่ง พล.ต.สนั่นตอบว่าหน้าเหมือน แต่สิ่งที่ไม่เหมือนคือดื่มไวน์บ่อยไป และแซวนายสุวิทย์ที่ตอนหาเสียงบอกว่าจะเป็นนายกฯ แต่วันนี้ ส.ส.ก็ไม่ได้เป็น แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อเป็นหัวหน้าพรรคก็มาเป็นรองนายกฯได้
 

มั่นใจ 315 เสียงอยู่ยาว
 

นายสมัครกล่าวว่า ขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงาน กว่าจะถึงวันนี้ดูเหมือนจะใช้เวลายาวนาน เชื่อว่าทุกคนทุกฝ่ายพอใจที่มี กกต. ถ้าเป็นสมัยก่อนแค่ 3 วันก็ตั้งรัฐบาลได้ แต่วันนี้เรามีกระบวนการที่เหมือนชาวโลกทำกัน กกต.ได้ทำหน้าทำตาให้ประเทศไทยแล้ว ส่วนที่จะมาสอยกันนั้น ทุกคนต้องทำใจ ใครโดนเข้าก็ชอกช้ำ ขอขอบคุณ กกต.ที่ทำให้วิธีการเสร็จสิ้นตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ สำหรับ 2 พรรคการเมืองที่มาร่วมแถลงสุดท้ายนั้น มีความหมายอย่างยิ่ง ทำให้คณะบริหารที่ตั้งขึ้นมานั้นมี 315 เสียงโดยประมาณ มีความแข็งแรงพอที่จะให้ อายุยืนยาว อยู่ช่วยแก้ไขสถานการณ์ของบ้านเมือง อย่างไร ก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการต่อรองเกี่ยวกับที่นั่งต่างๆ เพราะตามขั้นตอนต้องรอให้มีการเปิดสภาผู้แทนราษฎร เลือกประธานสภาฯ และเลือกนายกรัฐมนตรีก่อน จากนั้นจึงจะตั้งคณะกรรมการมาเจรจากัน คิดว่าสุดท้ายแล้วทุกฝ่ายน่าจะช่วยกันทำงานได้
 

พรรคร่วมระบุให้เกียรติประชาชน
 

หลังจากนั้นนายสมัครเปิดให้แกนนำพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลร่วมแถลงข่าว เรียงลำดับตามความอาวุโส โดยนายเสนาะกล่าวว่า การทำงานร่วมกันครั้งนี้ถือเป็นครั้งสำคัญ ประเทศวิกฤติมามากแล้ว ถ้าบ้านเมืองไม่ได้รับการแก้ไขโดยด่วน หรือแก้ไขไม่ถูกจุด บ้านเมืองก็ไปไม่ได้ เราล้มลุกคลุกคลานมาตลอด การบริหารประเทศจะอยู่ ได้นานหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคน ถ้ามีความมุ่งมั่น มีจิตใจสะอาดตามที่อาสาเข้ามา ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย ต้องขอบคุณทุกคนที่ตัดสินใจทำอะไรให้ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ หากพรรคใดเป็นพรรคใหญ่ที่ประชาชนไว้วางใจ ก็ต้องให้เกียรติ ไม่ใช่ไปบล็อก

พล.ต.สนั่นกล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ให้เข้าร่วมหารือจัดตั้งรัฐบาล เหตุผลการเข้าร่วมรัฐบาลนั้น นายบรรหารได้ชี้แจงกับสื่อไปแล้วเมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ตนมาครั้งนี้เพื่อยืนยันว่าพรรคชาติไทยเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรค พลังประชาชนแน่นอน
  

ประกาศเร่งแก้ปัญหาประเทศ
 

นายสุวิทย์กล่าวว่า พรรคเพื่อแผ่นดินต้องการเห็นความสมานฉันท์ในบ้านเมือง ทำให้การเมืองกลับสู่เสถียรภาพ เพื่อให้การแก้ปัญหาบ้านเมืองโดยเฉพาะเศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ ถ้าการเมืองมีเสถียรภาพ เชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะช่วยกันแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจได้ ความสามัคคีของทุกคนจะทำให้การเมืองเดินหน้าไปได้ด้วยดี และทำให้ประเทศกลับสู่สภาวะปกติ นำความสุขกลับมาสู่ประชาชน
 

พล.อ.เชษฐากล่าวว่า เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาว่าประชาชนเทคะแนนให้ความไว้วางใจพรรคพลังประชาชน 233 เสียง ก็ถือเป็นความชอบธรรม ถ้าเราไม่ยึดหลักความ ชอบธรรมแสดงว่าเดินออกจากระบอบประชาธิปไตย พรรคใดได้คะแนนสูงสุดต้องเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลก่อน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนาจึงตัดสินใจโดยยึดหลักความชอบธรรม ขณะนี้ประเทศกำลังประสบภาวะวิกฤติ จึงต้องตั้งรัฐบาลโดยเร็วที่สุดเพื่อมาแก้ปัญหา จะรอเวลาอีกไม่ได้แล้ว
 

นางอนงค์วรรณกล่าวว่า พรรคมัชฌิมาธิปไตย ภูมิใจที่ได้สนับสนุนพรรคพลังประชาชน สิ่งที่ประชาชนรอคอยคือการมีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง จึงเป็นความชอบธรรมที่แกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นพรรคที่ประชาชนส่วนใหญ่ชื่นชอบ คิดว่ารัฐบาลที่มาจากเสียงส่วนใหญ่จะสร้างความสุขให้ประชาชนได้
 

“สมัคร” ฉะนักข่าวถามกวนประสาท
 

หลังจากตัวแทน 6 พรรคแถลงเหตุผลการตั้งรัฐบาลเสร็จแล้ว นายสมัครเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถาม โดยผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากที่แกนนำทุกพรรคประกาศจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันแล้ว ตำแหน่งนายกฯจะยังยืนยันว่าเป็นนายสมัครอยู่อีกหรือไม่ นายสมัครตอบว่า ถามคำถามแบบนี้คุยกันไม่สนุก แต่ตนก็ได้รับการเตือนจาก นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชนว่า คนที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาลต้องรักษาถ้อยคำและท่าที อย่างไรก็ตาม มีผู้สื่อข่าวอีกคนหนึ่งถามย้ำว่า หากไม่ให้ถามเรื่องบุคคลที่จะมาเป็นนายกฯแล้วจะให้ถามเรื่องอะไร เมื่อจะจัดตั้งรัฐบาลก็ควรเปิดเผยว่าใครจะมาเป็นนายกฯ นายสมัครจึงกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปพูดในสภา ทั้งนี้ เคยมีคนมาบอกว่ามีคนต้องการยั่วให้ตนตบะแตก แผนการนี้มีมานานแล้ว ซึ่งก็ได้กลั้นใจมาจนถึงวันแถลงข่าว
 

ต่อข้อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการทำงานร่วมกับพรรคพลังประชาชน นายสมัครตอบว่า ต้องไปแถลงกันในสภา รอหลังจากเลือกนายกฯเสร็จเรียบร้อย ส่วนที่ถามว่าจะต้องมีตัวสำรองนายกฯเอาไว้หรือไม่นั้น ตนก็ย้ำแล้วว่าต้องไปเลือกกันในสภา ไม่ใช่ในห้องแถลงข่าวแห่งนี้ มีคนถามยั่ว คอยกวนประสาท ทั้งที่บอกแล้วว่าทุกพรรคพร้อมที่จะเดินหน้าทำงานร่วมกัน
 

ตั้งเป้ารัฐบาลอยู่ยาว 4 ปี

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินหรือไม่ว่าจะทำงานร่วมกับสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลได้นานเท่าไหร่ นายสมัครตอบด้วยอารมณ์หงุดหงิดว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะมาวิจารณ์ ส่วนที่ถามว่ามีปัญหาตามมาเยอะจากการเป็นรัฐบาลผสมนั้น การทำงานมีเป้าหมายอย่างไรบ้าง ตนตั้งความหวังไว้ที่รัฐบาล 315 เสียงก็ควรที่จะอยู่นาน ส่วนปัญหาต่างๆที่จะมีเข้ามาก็ต้องปรึกษากัน ถ้าความเห็นไม่ตรงกันก็ถอย ดังนั้น จาก ส.ส. 480 คน ตั้งไว้ว่าจะร่วมรัฐบาล 315 เสียง ดังนั้น ควรที่จะอยู่นานๆ ให้ครบเวลา 4 ปี
 

เมื่อถามว่ามีความกังวลกับอุปสรรค หรืออุบัติเหตุทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ นายสมัครกล่าวว่า ถามแบบนี้แล้วรู้หรือไม่ว่าพรุ่งนี้ฝนตกหรือแดดออก ตนไม่ใช่หมอดู ไม่ใช่กรมอุตุนิยมวิทยาที่จะมาตอบในสิ่งที่ถามล่วงหน้า ถ้าอยากรู้ก็ให้ไปถามนายลักษณ์ เรขานิเทศ หมอดูฟันธง ที่ตอบแบบนี้ไม่ได้ยั่วยวนนะ ผู้สื่อข่าวถามพรรคร่วมทั้ง 5 พรรคว่าจะยึดหลักการใดที่จะให้นายสมัครมาเป็นนายกฯ และจะยอมรับในคุณสมบัติของนายสมัครหรือไม่ และต้องการคุณสมบัตินายกฯแบบไหน ปรากฏว่านายสมัครชิงกล่าวแทนว่า คำถามยาว ไม่อยากตอบ ก็บอกย้ำแล้วยังจะถาม ต้องการอะไรอีก
 

เผยอีก 15 วันเห็นโฉมหน้า ครม.
 

ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว นายสมัครให้ สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า อีก 15 วัน จะเห็นหน้าตาของรัฐบาลชุดใหม่ สำหรับการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น จะมีการตั้งคณะกรรมการประสานงานขึ้นมา เพื่อที่จะไปประสานกับพรรคอื่นๆ และคณะกรรมการชุดนี้จะนำผลการหารือมาให้ตนทราบ วันนี้สบายใจ ไม่หนักใจอะไรแล้ว
 

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า การแบ่งโควตารัฐมนตรีจะดำเนินการหลังจากนี้ ยอมรับว่าโควตารัฐมนตรีบางส่วนลงตัวแล้ว แต่ต้องหารือกันอีกครั้งระหว่างแกนนำพรรคต่างๆ โดยเฉพาะตำแหน่งสำคัญ
 

“เรืองโรจน์” ขวาง “สมัคร” ควบกลาโหม
 

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาตำแหน่งรัฐมนตรีว่า นายสมัครจะเป็นคนพิจารณาเรื่องนี้เอง ส่วนที่มีข่าวว่าตนจะไปดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทยนั้น ไม่ทราบเรื่องนี้ รวมถึงข่าวนายสมัครจะควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม ก็ไม่รู้เหมือนกัน
 

พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงบุคคลที่จะมาเป็น รมว.กลาโหมว่า ควรที่จะเป็นทหาร เพราะมีประสบการณ์ด้านความมั่นคง และทำงานกับกองทัพได้ทันที แต่เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ใหญ่ในพรรค 

นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวว่า เชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีปัญหาเรื่องเลือกตัวผู้นำเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนการจัดสรรโควตารัฐมนตรี ขณะนี้ยังไม่มีการคุยกัน คงรอให้พรรคใหญ่เสนอมาก่อน คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร เพราะทุกพรรคตัดสินใจทำงานร่วมกันแล้ว
 

 เผย “สุรพงษ์” มาแรงนั่ง รมว.คลัง
 

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในการจัดโผ ครม.ว่า ล่าสุดทางพรรคพลังประชาชนได้วางตัวบุคคลที่จะเป็น รมว.คลังแล้ว โดยจะให้ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค มารับตำแหน่งดังกล่าว เพราะเป็นผู้ที่พรรคไว้วางใจให้มาร่วมรับผิดชอบแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ และรักษาสมดุลทางการคลัง หากมีปัญหาติดขัดอะไรก็สามารถต่อสายไปปรึกษา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โดยตรง โดยจะมีนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 5 นั่งเป็น รมช.คลัง ซึ่งเป็นโควตาของนายวราเทพ รัตนากร อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย

นอกจากนี้ ยังมี พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา ที่ทำงานให้กับพรรคอย่างทุ่มเทมาตลอด ขนาดในช่วงเลือกตั้งมีพรรคอื่นมาทาบทามให้ย้ายพรรคโดยเสนอเงื่อนไขสูงมาก แต่ พ.ต.ท.สมชายก็ยังคงปักหลักอยู่กับพรรคพลังประชาชน จึงได้รับการวางตัวให้เป็น รมช.ยุติธรรม เพื่อไปช่วยงานนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรค ที่จะไปนั่งเป็น รมว.ยุติธรรม
 

“ชูวิทย์” ตั้งฉายารัฐบาลใบข่อย
 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ 6 พรรคแถลงข่าวร่วมจัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้นลง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ได้เปิดห้องบิสซิเนส เซ็นเตอร์ ของโรงแรมสุโขทัย แถลงข่าวโจมตีนายบรรหาร ศิลปะอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย โดยนำใบข่อยและต้นตะไคร้มาประกอบการแถลงข่าวด้วย ทั้งนี้นายชูวิทย์กล่าวว่า ปลาไหลอยู่ในน้ำครำ มันลื่น ทำให้จับได้ยาก เมื่อจับปลาไหลมาได้ก็ต้องใช้ใบข่อยรูดเมือกให้หายลื่น และต้องนำตะไคร้มาดับกลิ่นคาว ฉะนั้นตนขอเรียกรัฐบาลชุดนี้ว่า “รัฐบาลใบข่อย” เพราะลื่นไหลทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้ร่วมรัฐบาล ชาวบ้านต้องมีใบข่อยไว้จับความลื่นไหล การแถลงข่าวร่วมจัดตั้งรัฐบาล 6 พรรคที่บอกว่าจะเข้ามาแก้ไขวิกฤติของชาตินั้น ตนเกรงว่าจะวิกฤติกว่าเดิม เพราะหากใช้ทฤษฎี 2 นคราที่ระบุว่าคนชนบทตั้งรัฐบาล คนชั้นกลางล้มรัฐบาล ทฤษฎีนี้เป็นจริงเสมอ เสียงส่วนใหญ่ ของ 6 พรรคก็เป็นเสียงจากชนบท และเสียงคนชั้นกลางจะเป็นเสียงสะท้อนสำคัญที่จะทำให้รัฐบาลชุดนี้อยู่ได้ ไม่นาน ส่วนที่วันนี้นายบรรหารไม่เดินทางมาร่วมแถลงข่าวนั้น อาจเป็นเพราะอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้ ว่าอยู่จุดไหน
 

หาแนวร่วมตามป่วนพรรคชาติไทย
 

นายชูวิทย์กล่าวว่า กรณีที่ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา บุตรสาวนายบรรหาร ออกมาระบุว่าไม่อยากรับตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น อยากถาม น.ส.กัญจนาว่าใครให้เป็นรัฐมนตรี เพราะการที่พรรคจะส่งใครเป็นรัฐมนตรีต้องผ่านมติพรรค การแสดงออกเช่นนี้ใช้ความเป็นลูกสาวของหัวหน้าพรรคหรือไม่ จึงสะท้อนว่าพรรคชาติไทยเป็นพรรคศิลปอาชาโดยแท้ และไม่ว่าพรรคชาติไทยจะอยู่ที่ไหน นั่งกระทรวงใด ตนจะติดตามผลงานเป็นพิเศษ และจะมีแนวร่วมชูวิทย์โดยให้ประชาชนส่งจดหมายร้องเรียนทุจริตมาได้ที่ตู้ ปณ. 11 ดินแดง กทม. แจ้งเบาะแสคอรัปชันว่ากระทรวงใดมีการทุจริต ตนจะไปแถลงข่าวที่กระทรวงนั้นทันที และจะมีการตั้งโต๊ะอภิปรายนอกสภา การทำหน้าที่ตรวจสอบดังกล่าวไม่ได้หวังตำแหน่งทางการเมือง และไม่มีผลประโยชน์ในพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ว.ด้วย
 

ปชป.จี้รัฐบาลเร่งสร้างความเชื่อมั่น
 

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคพลังประชาชนเตรียมแถลง ข่าวจัดตั้งรัฐบาลว่า ขอให้ดำเนินการตั้งรัฐบาลในลักษณะที่เรียกความเชื่อมั่นกลับมา และขอให้มีความชัดเจนในเรื่องนโยบายและตัวบุคลากรโดยเร็ว รวมถึงหลีกเลี่ยงการทำให้เกิดภาพลบ ทั้งเรื่องการต่อรองผลประโยชน์ การสร้างกระแสความขัดแย้งทางการเมือง เพราะประชาชนคาดหวังต่อการเลือกตั้งสูงมาก  และมีปัญหาให้รอแก้ไขอยู่มากพอสมควร
 

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมแสดงความยินดีต่อการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า ขอให้กระบวนการจัดตั้งเรียบร้อยเสียก่อน เพราะขั้นตอนตามระบบยังมีกระบวนการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร จากนั้นจะมีการเลือกนายกรัฐมนตรี แล้วมีการนำ ชื่อทูลเกล้าฯถวายเพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง
 

คุยโอ่เป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง
 

เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านพรรคเดียวจะทำหน้าที่ยากลำบากหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า การทำหน้าที่ฝ่ายค้านไม่ยาก เพราะมี 160 กว่าเสียง ถือว่า เข้มแข็ง สิ่งที่สำคัญอยู่ที่คุณภาพและความเป็นเอกภาพในการทำหน้าที่ คาดว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร ส่วนการทำงาน ในสภาผู้แทนราษฎรร่วมกับฝ่ายรัฐบาลเพื่อสร้างความสมานฉันท์นั้น ไม่มีปัญหา เพราะความสมานฉันท์เกิดขึ้น เมื่อทุกคนเคารพกฎหมาย รู้จักบทบาทหน้าที่ของตัวเอง และทำงานอย่างตรงไปตรงมา ดังนั้น ถ้าทุกอย่างอยู่ในกรอบ มั่นใจว่ามันเดินหน้าได้ อย่างไรก็ตาม วันที่ 21 ม.ค.นี้ พรรค จะมีการประชุม ส.ส.เพื่อหารือถึงสถานการณ์ทางการเมือง รวมถึงการพิจารณาเสนอชื่อผู้ที่จะเข้าชิงตำแหน่งประธานและรองประธานสภาฯ
 

ห่วงมีชื่อ รมต.สายล่อฟ้า


นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ กกต.รับรองนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เป็น ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 1 ว่า ถือเป็นการปล่อยผีบุคคลที่สังคมคลางแคลงใจ ความจริง กกต.ไม่น่าให้การรับรองนายยงยุทธกับพวกอีก 2 คน ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคำร้องคัดค้าน เพราะ ถึงไม่รับรองก็ไม่กระทบต่อการเปิดประชุมสภานัดแรกที่กำหนดว่า ต้องมีจำนวน ส.ส. 456 คน ดังนั้น คิดว่านายยงยุทธเป็นคนที่พิเศษกว่าคนอื่นหรืออย่างไร กกต.จึงเกรงกลัว และไม่กล้าที่จะดำเนินการอะไร เมื่อนายยงยุทธ ต้องการอะไร เคลื่อนไหวอะไร กกต.ก็ตอบสนอง ไม่รู้ว่ามีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือไม่ หรือคิดว่ารับรองไปก่อน เพราะ นายยงยุทธเป็นแคนดิเดตที่จะได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะนำพาประเทศออกจากวิกฤติได้หรือไม่ นายเทพไทตอบว่า แค่ เริ่มต้นตั้งรัฐบาลก็มีปัญหา มีความคลางแคลงใจ ดังนั้นจึงอยู่ที่ตัวนายกรัฐมนตรี แต่ดูแล้วก็มีความสุ่มเสี่ยง เพราะ ยังมีรายชื่อรัฐมนตรีที่เป็นสายล่อฟ้าอยู่ด้วย 


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์