ทรท.ด่ากราด - เหิมขู่ศาลห้ามชี้ขาดเลือกตั้งโมฆะ อ้างอำนาจ กกต.

ทรท.ด่ากราด - เหิมขู่ศาลห้ามชี้ขาดเลือกตั้งโมฆะ อ้างอำนาจ กกต.

นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 27 เมษายน 2549 23:48 น.

ทรท.ด่ากราด นักวิชการ-ปชป.-พันธมิตรฯ บังอาจเสนอให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ จี้ให้คนเสนอนายกฯ ตามมาตรา 7 ออกมารับผิดชอบ ยันไทยรักไทยทำถูกต้องตามกติกาทุกอย่าง ตะแบงขู่ศาลถ้าพิจารณาให้เลือกตั้ง 2 เมษายนเป็นโมฆะ ทุกอย่างต้องกลับมาเหมือนเดิม โดยเฉพาะ ทักษิณ ไม่ต้องเว้นวรรคการเมืองยังกลับมาเป็นนายกฯได้ต่อไป

วันนี้ (27 เม.ย.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่พรรคไทยรักไทย ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย ร่วมกันแถลงข่าวสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน

นายวิชิต กล่าวว่า หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีกระแสพระราชดำรัส เมื่อวันที่ 25 เม.ย.นั้น นักวิชาการหลายคนออกมาวิจารณ์เรื่องนี้กันมาก ทำให้พรรคไม่สบายใจ เพราะการวิจารณ์กระแสพระราชดำรัสนั้นจะทำให้เกิดความสับสนในสังคมมากมาย และสร้างความเสียหายหลายประการ คือ 1.การวิจารณ์นั้นจะเกิดการตีความที่แตกแยกกัน และอาจเกิดการชุมนุมขึ้นอีก 2.เกิดผลกระทบจากการวิจารณ์ที่ไม่เป็นกลาง เพราะบางฝ่ายอาจเสียหายและออกมาเคลื่อนไหว 3.เป็นการกดดันการหารือเพื่อแก้วิกฤตบ้านเมืองของประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลฎีกา และประธานศาลปกครอง 4.นักวิชาการบางคนอาจถูกสังคมปรามาสได้ เพราะหลายคนแสดงความเห็นผิดๆ ถูกๆ หรือมั่ว เช่น นายกฯ พระราชทาน เป็นต้น นักวิชาการหลายคนแสดงสิ่งที่ไม่ส่งเสริม และทำลายประชาธิปไตยและสร้างเหตุการณ์ล้มการเลือกตั้ง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ

และ 5.ประชาชนอาจมองว่านักวิชาการที่วิจารณ์กระแสพระราชดำรัสนั้น อาจเบี่ยงประเด็น ฉะนั้น ในช่วงนี้ทุกฝ่ายไม่ควรวิจารณ์เรื่องต่างๆ ให้เกิดความแตกแยก พรรคไทยรักไทยยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามพระราชดำรัส รัฐธรรมนูญและกติกามาตั้งแต่ต้น

ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า พรรควิเคราะห์สถานการณ์ในช่วงนี้ ก็มีความรู้สึกเหมือนกับสังคม ในวันที่ 28 เม.ย.ประมุข 3 ศาล จะพิจารณาหาทางออกให้บ้านเมือง พรรคเชื่อมั่นว่า ประมุข 3 ศาลจะมีแนวทางแก้ปัญหาที่ยึดกฎหมายเป็นสำคัญ ที่ผ่านมาพรรคได้ยึดหลักกฎหมายมาตลอดโดยไม่เคยทำผิดแม้แต่มาตราเดียว การประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเพื่อแก้วิกฤตนั้น พรรคเชื่อมั่นผลที่จะออกมาว่าจะสอดคล้องกับกฎหมายบ้านเมือง อย่างไรก็ตาม เรารับไม่ได้กับการกระทำของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ที่เมื่อวานนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยแถลงน้อมรับพระราชดำรัส แต่วันนี้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์กลับไปยื่นเรื่องต่อศาลปกครอง ซึ่งแตกต่างกับสิ่งที่นายอภิสิทธิ์พูดโดยสิ้นเชิง พรรคประชาธิปัตย์ทำตัวแบบปากว่าตาขยิบ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็เคยเรียกร้องนายกฯพระราชทาน

ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า สิ่งเหล่านี้ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นซากศพทางการเมืองที่ประวัติศาสตร์จารึกไว้แล้ว แต่วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังไม่กระดากใจ และพยายามกดดันศาลอีก ส่วนนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็มีท่าทางยโสโอหัง และทำตัวเป็นอภิสิทธิ์ชนไปแล้ว ไม่ไปให้ปากคำกับตำรวจ และเรียกร้องสิ่งที่ไม่สอดคล้องรัฐธรรมนูญ ทำผิดยังลอยหน้าลอยตาว่าตัวเองไม่ผิด นายสนธิคบกับนายอภิสิทธิ์มานานจนเป็นอภิสิทธิชนเหมือนชื่อนายอภิสิทธิ์ไปแล้ว

ด้าน นายจตุพร กล่าวว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ไปยื่นเรื่องที่ศาลปกครอง โดยยืนยันว่าการเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมาใช้เวลามากกว่า 37 วันนั้น ถ้าลองย้อนไปดูพระราชกฤษฎีกาการยุบสภาปี 2526, 2529 และ 2531 แล้วจะพบว่าสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ ระบุเป็นความเท็จทั้งสิ้น เพราะพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร เมื่อปี 2526 สมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกฯ ใช้เวลาเพียงแค่ 31 วันเท่านั้น และพรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนั้น และก็ลงเลือกตั้งด้วย วันนี้ จึงอยากถามว่า มาตรฐานของพรรคประชาธิปัตย์อยู่ตรงไหน นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เคยระบุว่าพร้อมที่จะให้มีการขยายวันรับสมัครรับเลือกตั้งออกไป หาก กกต.ประสานมา เพื่อเปิดทางให้พรรคร่วมฝ่ายค้านลงสมัคร สำหรับฝ่ายต่างๆ ที่เคยเสนอให้ใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 7 เช่น พันธมิตรฯ พรรคประชาธิปัตย์ หรืออธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้น ต้องแสดงความรับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะเสนอเนื้อหาที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย พรรคขอเรียกร้องให้ผู้ที่เคยเสนอเรื่องนี้ และพยายามนำพระราชดำรัสมาอ้างแบบไม่ครบถ้วนจงยุติการตีความที่เกิดประโยชน์กับตัวเอง และยุติการสร้างความสับสนให้สังคม

รองโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (28 เม.ย.) หาก 3 ศาลมีมติว่าให้การเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย.2549 เป็นโมฆะ ก็เท่ากับว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกฯที่ประกาศเว้นวรรคทางการเมืองจะต้องเป็นโมฆะด้วยเช่นกันถ้ามีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้น โดยมีพรรคฝ่ายค้านลงสมัครใหม่ ทุกอย่างต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯพยายามบิดเบือนพระราชดำรัส ไม่น้อมนำมาปรับปรุง รวมทั้งยังดึงดันจะชุมนุมต่อนั้น เป็นการสะท้อนสำนึกของแต่ละฝ่าย ทุกฝ่ายควรประณามในความเห็นแก่ตัว สำหรับกรณีที่พีเน็ตเสนอเงื่อนไขให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ พร้อมทั้งระบุว่า พรรคไทยรักไทย กับ กกต.จะต้องรับผิดชอบนั้น การแสดงความเห็นเช่นนี้ไม่สมควรเรียกตัวเองว่าเป็นองค์กรกลาง ควรไปอยู่กับฝ่ายค้าน

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในการวินิจฉัยของ 3 ศาลจะไม่ตัดสินให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เพราะเคยมีบรรทัดฐานกรณีที่ นายโกวิทย์ สุรัสวดี ยื่นฟ้อง กกต.ให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ แต่สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดให้การเลือกตั้งเป็นอำนาจโดยตรงของ กกต.ที่จะวินิจฉัย

ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง รองโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า หลังกระแสพระราชดำรัส ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเมืองต้องทบทวนตัวเองให้มาก ใช้วุฒิภาวะตัดสินว่าอะไรควรไม่ควร ยอมรับคำวินิจฉัยตัดสินของฝ่ายตุลาการโดยไม่มีเงื่อนไข และพร้อมปฏิบัติตาม โดยเฉพาะนักวิชาการที่มีหน้าที่คิดค้นตรวจสอบ เอาหลักวิชาการที่บริสุทธิ์มารองรับ และขยายความให้พระราชดำรัสเป็นที่เข้าใจประชาชน จึงไม่ควรสร้างกระแสหรือประเด็นชี้นำ กดดันการทำหน้าที่ของคณะผู้พิพากษาศาลต่างๆ มิเช่นนั้นจะทำให้ข้อสรุปของคณะศาล ไม่เป็นที่ยอมรับอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเท่ากับไม่น้อมรับกระแสพระราชดำรัสใส่เกล้าใส่กระหม่อม นักวิชาการต้องมีทั้ง IQ (ความฉลาดทางสติปัญญา) EQ (ความฉลาดทางภาวะอารมณ์) และ MQ (มีวุฒิภาวะ) ที่ผ่านมา นักวิชาการบางคนได้แสดงบทบาทท่าทีให้สังคมประจักษ์ชัด และวันนี้ก็ได้คำตอบ ได้กระจกบานใหญ่แล้ว ดังนั้น ใครที่เคยมีอคติควรหยุดตั้งสติก่อนเดินหน้า อดีตที่เคยทำผิด สังคมพร้อมจะให้อภัย

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์