สมัครขู่ฟ้องศาล แบนโฆษณาพปช.

หลังจากที่พรรคพลังประชาชนออกมาโวยเรื่องภาพยนตร์โฆษณาของพรรคถูกห้ามออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ต่างๆ โดยระบุว่าเป็นการเลือกปฏิบัตินั้น ทาง รมต.และกรมประชาสัมพันธ์รีบออกมาแก้ตัวพัลวันว่าต้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้ขาดว่าทำได้หรือไม่ 

“ทิพาวดี” อ้างรอ กกต.ตีกรอบหาเสียง

เมื่อวันที่ 15 ต.ค. เวลา 12.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนออกมาโวยถูกเลือกปฏิบัติไม่ได้รับความเป็นธรรมที่ถูกคณะกรรมการกิจการวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ (กกช.) แบนภาพยนตร์โฆษณาของพรรคว่า ได้สอบถามนายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ในฐานะเลขานุการ กกช.ทราบว่าการรณรงค์การเลือกตั้งของพรรคการเมืองนั้น กกช.ต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกระเบียบเกี่ยวกับการหาเสียงของพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการ และส่งมาให้ที่ กกช. จากนั้น กกช.จะแจ้งให้กกช.ประจำสถานีรับทราบถึงแนวทางปฏิบัติต่อไป หากสถานีไหนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามมาที่ กกช. และกรมประชาสัมพันธ์ได้ ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนดังกล่าว และ กกช.ชุดใหญ่ ที่มีนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกฯ เป็นประธาน ยังไม่ได้ประชุมแต่อย่างใด

ปัดมีใบสั่งคุมเข้มโฆษณา พปช.

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคพลังประชาชนระบุว่าได้ยื่นขอซื้อเวลาแต่ละสถานีเรียบร้อยแล้ว คุณหญิงทิพาวดีตอบว่า การพิจารณาขณะนี้เป็นเรื่องของ กกช.ประจำสถานีพิจารณาเอง อาจจะเป็นการออกข่าวปกติ ยังไม่ใช่การรณรงค์หาเสียง ถือเป็นแนวปฏิบัติของแต่ละสถานีจะพิจารณากันเอง ยืนยันไม่ได้มีการสั่งบล็อกอย่างแน่นอน เพียงแต่แต่ละสถานีอาจจะกลัวหรือระวังตัว เพราะยังไม่ได้เห็นระเบียบของ กกช.อย่างเป็นทางการในเรื่องนี้ เมื่อถามย้ำว่า มีการมองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติเพราะสปอตโฆษณาของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย และพรรคการเมืองใหม่อื่นๆ ก็ออกมาลักษณะเดียวกันแต่ไม่มีปัญหา คุณหญิงทิพาวดีตอบว่า ยืนยันได้ว่ารัฐบาลหรือ กกช.ชุดใหญ่ไม่ได้มีใบสั่ง ไม่มีการเลือกปฏิบัติแน่ เขาจะออกทีวีช่องไหนไม่ทราบ แต่ไม่มีของสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กับสถานีทีไอทีวีแน่นอน 

อธิบดีกรมกร๊วกโยนลูก กกช.ชี้ขาด

ขณะที่นายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ในฐานะเลขานุการ กกช. กล่าวถึงกรณีการอนุญาตการเผยแพร่ภาพยนตร์โฆษณาผ่านสถานีโทรทัศน์ว่า ในกระบวนการดูแลปกติได้มอบอำนาจให้แต่ละสถานีไปตั้งคณะกรรมการพิจารณาในการอนุญาตการเผยแพร่ภาพยนตร์โฆษณา หรือเรียกว่า กกช.ประจำสถานี มี 2 กรณี คือ 1. ถ้ากรณีที่ไม่แน่ใจจะสอบถามกลับมาที่ กกช.หรือกรมประชาสัมพันธ์ 2. กรณีถ้าแน่ใจก็อนุมัติให้ดำเนินการไป ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาทางเราจะไปตรวจสอบ ส่วนกรณีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งนั้น จะเริ่มต้นพิจารณาเมื่อมี พ.ร.ฎ.ออกประกาศวันเลือกตั้งออกมาแล้ว กกต.จะเชิญอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ในฐานะเลขานุการ กกช.ไปหารือเพื่อวางแนวทางการปฏิบัติ จากนั้นจะนำข้อสรุปดังกล่าวไปหารือกับแต่ละสถานี เพื่อให้สอดคล้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์แนวทางที่ กกต.กำหนด เพื่อควบคุมให้ค่าใช้จ่ายเป็นไปตามกฎหมายกำหนดไว้และเป็นธรรมเท่าเทียมกันทุกพรรคการเมือง


เฉไฉไม่รู้ปมปัญหาแต่ละช่อง

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคพลังประชาชนระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย หรือพรรคการเมืองอื่นที่ตั้งใหม่ยังเผยแพร่โฆษณาได้ แต่พรรคพลังประชาชนกลับถูกแบน นายปราโมชตอบว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นดุลพินิจของสถานีโทรทัศน์แต่ละช่อง และยังไม่ได้มีการรองเรียนเข้ามา เมื่อมีประเด็นปัญหาขึ้นมาคงจะสอบถามรายละเอียดที่มาที่ไปของแต่ละช่อง แต่วันนี้มีเงื่อนเวลาที่จะอนุญาตอย่างเป็นทางการแล้ว ดังนั้น จากนี้ไปทุกพรรคมีสิทธิเท่าเทียมกันหมดแล้ว เมื่อถามว่ามีการมองว่ามีสิ่งผิดปกติหรือใบสั่งหรือไม่ เพราะทุกช่องทำไมถึงปฏิบัติเหมือนกันหมด นายปราโมชตอบว่า ไม่ได้มีใบสั่งจากรัฐบาลหรือ คมช. จะไปเสี่ยงทำอย่างนั้นทำไม แต่เป็นดุลพินิจของแต่ละสถานีที่อาจมีแนวทางปฏิบัติไม่เหมือนกัน ปกติหากไม่มีปัญหา พออนุโลมได้ก็ไม่ไปก้าวก่าย ยืนยันได้ว่าไม่มีใครมาสั่งการอะไรพิเศษ แต่กลไกขั้นตอนมันมีอยู่แล้ว เมื่อถามว่า พรรคพลัง ประชาชนระบุว่าได้รับความเสียหาย เพราะต้องจ่ายชดเชยค่าสัญญาเช่าเวลาแก่สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 และช่อง 7 หลังจากไม่ได้ออกสปอตโฆษณาของพรรค นายปราโมชตอบว่า สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 หรือช่อง 7 เป็นคลื่นทหารอาจมีดุลพินิจเพิ่มเติมของเขาเองได้ 

“ประพันธ์”  โวยไม่ใช่หน้าที่  กกต.

ขณะที่นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี กกช.ว่าจะหารือ กกต. เพื่อหาข้อยุติว่าจะให้โฆษณาหาเสียงของพรรคพลังประชาชนเผยแพร่หรือไม่ว่า กกต.ยังไม่ได้รับหนังสือดังกล่าว แต่เป็นหน้าที่ของ กกช.ที่ต้องตรวจพิจารณาเนื้อหาของโฆษณา และขณะนี้ พ.ร.ฎ.การเลือกตั้งยังไม่มีผลบังคับใช้ ดังนั้น กกต.คงห้ามการโฆษณาของพรรคการเมืองไม่ได้ แต่เมื่อพ.ร.ฎ.การเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ คาดว่าในช่วงปลายเดือน ต.ค.นี้ พรรคการเมืองต้องยุติการดำเนินการ ไม่เช่นนั้นจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.ฯ มาตรา 60 โดยเฉพาะป้ายคัตเอาต์ต่างๆ จะต้องถอนออก และติดตามที่ กกต.กำหนด ที่จะออกประกาศเรื่องของพื้นที่การปิดป้ายหาเสียงในปลายเดือน ต.ค.นี้ ส่วนกรณีการแบ่งเขต ส.ส.ทั้งแบบสัดส่วนและแบบเขตนั้น วันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายที่พรรคการเมืองต้องส่งความคิดเห็นเสนอมายัง กกต. เพื่อให้ กกต.พิจารณากันอีกในวันที่ 16 ต.ค. โดยคาดว่า กกต.จะประกาศเขต ส.ส.ได้ก่อนมี พ.ร.ฎ.การเลือกตั้ง 

ยันโฆษณา  พปช.ต้องออกอากาศ

ทางด้านท่าทีของพรรคพลังประชาชนนั้น วันเดียวกัน เมื่อเวลา 15.15 น. ที่อาคารไอเอฟซีที ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ที่ทำการพรรคพลังประชาชน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน ในฐานะคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรค แถลงถึงกรณีที่คณะกรรมการตรวจพิจารณาการโฆษณาทางวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ (กกช.) ไม่อนุญาตให้พรรคพลังประชาชนส่งภาพยนตร์โฆษณาชุด “ความสุข” ที่มีความยาว 60 วินาที ออกอากาศทางวิทยุโทรทัศน์ว่า หลังจากที่โฆษณาชุดความสุขของพรรคพลังประชาชนไม่ได้รับอนุญาตให้ออกอากาศจากคณะกรรมการชุดดังกล่าว วันนี้ทางพรรคได้รับทราบอีกว่า โฆษณาชุด “30 บาทต่อชีวิต” และโฆษณาชุด “ลูกพ่อ” ทั้ง 2 ชุด มีความยาวประมาณ 30 วินาที ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกอากาศด้วยเช่นกัน โดยให้เหตุผลแบบเดียวกันคือ ให้หารือกับคณะกรรมการการเลือก (กกต.) ก่อน ดังนั้น พรรคจึงได้ทำหนังสือขออนุญาตส่งภาพยนตร์โฆษณาทั้ง 3 ชุด เพื่อออกอากาศทางวิทยุโทรทัศน์ถึงคณะกรรมการชุดดังกล่าว ลงวันที่ 15 ต.ค. 2550 ลงนามโดย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค เพื่อชี้แจงเหตุผลว่าพรรคตรวจสอบโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างละเอียดแล้วและเห็นว่าไม่ขัดต่อกฎหมาย และไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ดังนั้น การอ้างว่าจะต้องหารือกับ กกต.ก่อนนั้น เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง อีกทั้งนายประพันธ์ นัยโกวิท คณะกรรมการการเลือกตั้ง ก็พูดผ่านสื่อชัดเจนแล้วว่า กกต.จะไม่เข้ามายุ่งเรื่องนี้ในขณะนี้ จนกว่าจะมีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง   ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่คณะกรรมการฯจะไม่อนุญาตให้ออกอากาศ 

“สมัคร” ขู่ฟ้องศาลถ้าถูกกีดกัน

นายชูศักดิ์กล่าวด้วยว่า ขณะนี้โฆษณาของพรรค การเมืองอื่นได้ออกอากาศเผยแพร่ทางโทรทัศน์ไปนานแล้ว โดยไม่ได้รับการท้วงติง เห็นว่าเรื่องนี้เป็นการเลือกปฏิบัติ และไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงต้องทำหนังสือเพื่อที่จะขอเวลาเพียงช่วงสั้นๆ ก่อนที่จะมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง เพื่อขอเผยแพร่ผลงานและแนวนโยบายของพรรคออกทางโทรทัศน์ดังเช่นพรรคการเมืองอื่น และเนื้อหาโฆษณานั้น ยืนยันว่าจะไม่มีการแก้ไข เพราะไม่ได้ ไปขัดหรือโจมตีใคร ถ้าหากมีความพยายามที่จะถ่วงเวลา จำเป็นที่จะต้องใช้สิทธิ์ตามกฎหมายเท่าที่จำเป็น และหากเกิดความเสียหายจากการที่เราได้จองเวลาออกอากาศ เอาไว้ และทำให้เราถูกปรับ คณะกรรมการชุดดังกล่าวก็ต้องรับผิดชอบด้วย

ด้านนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า
ไม่มีเหตุผลที่จะห้ามสปอตโฆษณาของพรรคพลังประชาชน เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) บอกแล้วว่าไม่เกี่ยวข้อง และเมื่อพรรคตรวจดูแล้วไม่เห็นว่าจะมีอะไรผิดกฎหมาย ถ้าหากไม่อนุมัติก็จะเอาไปศาล จะเอาไปศาลไทย ไม่เอาไปศาลโลก 


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์