กรงกรรม..กกต.?

ที่นาทีนี้บทหนักตกอยู่กับ 7คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่งานล้นหน้าตักท่ามกลางการบีบทั้งเวลาที่งวดใกล้ "เส้นตาย" 9 พ.ค. เข้ามาเรื่อยๆแถมยังอยู่ในช่วงวันหยุด และช่วงพระราชพิธีสำคัญของชาติไม่ว่าจะเป็นคิวที่ต้องร่งปิดจ๊อบการประกาศผลการนับคะแนนทุกเขตเลือกตั้ง ทั่วประเทศ ประกาศรับรอง ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ประกาศ การคำนวณสัดส่วนที่แต่ละพรรคจะได้รับ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อและ การคำนวณ ส.ส. พึงมีของแต่ละพรรค และ ประกาศลำดับ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่มี ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ได้รับจัดสรร ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ

ที่ในขั้นตอนเหล่านี้ยังมี "งานงอก" ที่ต้องเคลียร์ให้กระจ่างก่อนคือ "สูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ" ที่มี 3 สูตร และสูตรของ กกต. ที่หารือ กับอดีตกรรมการเลือกตั้ง (กรธ.) ที่ทำให้ขยายจาก 16 พรรคที่จะได้ ส.ส. เป็น 27 พรรคเป็นพรรคละ 1 ที่นั่งซะ 13 พรรคการเมือง ซึ่งเท่ากับไปเขย่าต้น ส.ส. ของ 16 พรรค ถูกโวยว่าอาจขัดรัฐธรรมนูญ จนต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญแต่ศาลก็ชงกลับให้ กกต. จัดการเอง

ส่วนอีกเรื่องที่ กกต. ถูกขู่ว่าจะโดนทั้งกรรมและทั้งกรง คือการร้องเรียนการเลือกตั้งที่มี 66 เคสที่มีมูล และมีเป้าชัดอยู่ประมาณ 40 ว่าที่ ส.ส. ที่ไม่นับรวมกรณีที่งอกเพิ่มจาก "นักร้อง" กับปม "ถือหุ้นสื่อ" ของ "ธนาธร" โดยเฉพาะปม "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ที่ไปๆ มาๆ ถูกขยายความจนทำท่าว่าจะ "เหมาเข่ง" บรรดา ส.ส. ของหลายพรรค ที่ "ธนาธร" แสดงอาการแข็งกร้าวประกาศดับเครื่องชน โดยวิจารณ์ตรงกล่าวหา การดำเนินการจัดการเลือกตั้ง และการตรวจสอบ "ปมหุ้น" ของเขาโดย กกต. ว่า "มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง" ในวันที่เขาเข้าไปชี้แจงกับ กกต.และขู่ว่าเขาจะดำเนินคดีกับทุกคนที่ทำให้เขาเสียหาย (30 เม.ย.)

 

ก่อนที่ถัดมาอีกวันคือเมื่อวาน (1พ.ค.) "ธนาธร" จะออกมาจุดระเบิดลูกแรกโดยมี "นักการเมืองพรรคอื่นๆ" ที่เข้าข่ายกรณีเดียวกันกับเขาคือมีบริษัทที่มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการด้านสื่อระบุในหนังสือจดทะเบียนเช่นกัน เป็นตัวประกันและบอกเบื้องต้นจากเก็บข้อมูลมีว่าที่ ส.ส. ประมาณ 30 คนที่เข้าข่าย ซึ่งเขาจะดูว่า กกต. จะดำเนินการเหมือนกับเขาหรือไม่ทั้งที่ประเด็นของ "ธนาธร" นั้นมี 2 ปมที่ชัดเจนคือ "เคยมีการประกอบกิจการสื่อจริง" และชัดเจนที่หนังสือราชการมีการแจ้งเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นวันที่ 21 มี.ค. 62 ซึ่ง กกต. จะเรียกหลักฐาน "สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น" ที่เรียกกันว่า บอจ.๕ จาก "กรมพัฒนาธุรกิจการค้า" ซึ่งในคดีที่ผ่านมาจะยึดจาก "เอกสารหลักฐานทางราชการ" เป็นตัวชี้ขาด เพราะ บอจ.๕ นี้ แต่ละบริษัท เมื่อประชุมสามัญประจำปีแล้ว ต้องยื่นกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทุกปี แต่ที่ "ธนาธร" พยายามชี้แจงคือการโอนให้แม่วันที่ 8 ม.ค. ซึ่งว่ากันว่าปมหลักฐานต่างๆที่ธนาธรนำมาแสดงอาจบานปลายเป็นอีกข้อหาเกี่ยวกับการแจ้งเอกสารราชการที่แรงกว่า ที่ทำให้ภาพที่ออกมากลายเป็น "ธนาธร" กำลังเบนเป้ามากดดัน กกต. ทำนองคนอื่นก็ผิดทำไมไม่โดนด้วย เพราะเหตุก่อนหน้านี้ กกต. ก็โดนหนักมาตลอดจากการตรวจสอบการทำงานโดยมี "พรรคอนาคตใหม่" เป็นหัวหอกจุดประเด็นทำลายเครดิต กกต. เช่นกัน

 

ทั้งหมดทั้งมวลต้องติดตามว่า ด้วยหน้าตักงานล้นมือของ กกต. ภายใต้เวลาที่บีบเร่งด้วยต้องตัดสินใจเด็ดขาดอีกหลายเรื่อง และแถมยังมาโดนอาการงอแงฟาดงวงฟาดงาพร้อมจะแลกแบบพลีชีพโดยตีขลุมประเด็นผลกระทบ "สมการการเมือง" ด้วยเหตุที่ กกต. ถูกมองว่าเป็นกรรมการ ที่ถูกตั้งขึ้นมาโดย คสช. ย่อมเข้าข้าง จนถูกนำมามาเป็นปัจจัยการตอบโต้ของ "ธนาธร" ที่ "อนาคตใหม่" ถูกมองว่าเป็นลมใต้ปีกอันสำคัญของฝั่งการเมืองขั้วตรงข้าม จะจบลงอย่างไรที่แน่ๆ ดูทรงไม่น่าจะจบสวยให้ข้อคิดแบบละคร "กรงกรรม" แน่?