ท่องเที่ยวอ่วม! แดงชุมนุม รายได้หดหมื่นล.

เฟสต้านัดรวมตัวคนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แสดงจุดยืน  2 เม.ย. หน้าสวนลุมพินี และอีกหลายจังหวัด เรียกร้อง เสื้อแดง และรัฐบาลยุติความรุนแรง เผยชุมนุมแค่ 1 เดือนสูญรายได้แล้ว 1 หมื่นล้าน...


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวานนี้ (31 มี.ค. 2553) สหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย (เฟสต้า) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 17 สมาคมท่องเที่ยว และสมาคมอื่น ๆ

ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคอีก 6 สมาคมรวมเป็น 23 สมาคม ได้ประชุมร่วมกันเพื่อหาแนวทางแสดงจุดยืนของภาคเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมือง ขณะการชุมนุมของคนเสื้อแดงได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวชัดเจนแล้วทั้งในช่วงนี้และอนาคต

โดยนายเจริญ วังอนานนท์ โฆษกเฟสต้า เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ได้นัดรวมตัวผู้ประกอบการ และพนักงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ประมาณ 1,400 คน

ที่สวนลุมพินี บริเวณหน้าอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 ในวันที่ 2 เม.ย.นี้ เวลา 16.00 น. เพื่อร่วมกันประกาศจุดยืนและออกแถลงการณ์ “ยุติความขัดแย้ง เพื่อท่องเที่ยวไทยทุกฝ่ายหยุดทำร้ายท่องเที่ยวไทย สมานฉันท์เพื่อท่องเที่ยวไทย” ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันจะมีตัวแทนผู้ประกอบการ และพนักงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่อยู่ในต่างจังหวัด ออกมารวมตัวกันด้วย เช่น เชียงใหม่ อุดรธานี เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี กระบี่ ภูเก็ต จันทบุรี และ เมืองพัทยา และยังอยู่ระหว่างการประสานงานให้มากที่สุด  

ทั้งนี้ นายกสมาคมต่างๆ ที่เข้าร่วมแสดงจุดยืน จะใส่เสื้อสีขาวส่วนตัวแทนผู้ประกอบการ และพนักงานคนอื่นๆ จะสวมใส่เสื้อผ้าตามอัธยาศัย

ใช้เสื้อผ้าหลากสีโดยบางแห่งอาจให้พนักงานสวมชุดเครื่องแบบบริษัทมา ส่วนรูปแบบการแสดงจุดยืนจะไม่เคลื่อนที่ไปไหน เพราะไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย แต่จะอยู่ที่อ่านแถลงการณ์จุดยืนของภาคท่องเที่ยว พร้อมชูป้ายผ้า และไม่ต้องการให้เห็นว่า พวกเราเป็นกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ต้องการให้เห็นว่าเป็นอีกลุ่มคนไทยที่เสียภาษีและได้รับผลกระทบ จากการชุมนุมทางการเมือง



นายเจริญ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่ วันที่ 12 มี.ค. ที่กลุ่มคนเสื้อแดงเริ่มชุมนุมจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเที่ยวไทยก็ลดลง

ซึ่งภาคเอกชนอดทนเรื่อยมา หวังว่าการชุมนุมจะยุติหลังวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา เริ่มมีความหวังหลังจากตัวแทนรัฐบาล และ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เจรจากัน 28-29 มี.ค.แต่รอจนล่าสุด กลุ่มคนเสื้อแดงระบุว่าจะนัดชุมนุมกันอีก 3 เม.ย.นี้ ภาคเอกชน มองว่า การชุมนุมไม่มีวันยุติเสียทีบรรยากาศเช่นนี้จะกระทบการท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ ขณะที่นักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่นและเกาหลี ที่ไม่กังวล เริ่มโทรศัพท์มาสอบถามมากขึ้นว่า ทำไมมีระเบิดเกิดขึ้นทุกวัน ทำไมการประท้วงไม่มีข้อยุติเสียที สิ่งเหล่านี้ทำให้เอกชนกังวลว่าหากปล่อยเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะย่ำแย่เหมือนกับ 2-3 ปีที่ ผ่านมา ที่คนในอุตสาหกรรมเป็นหนี้กัน และหวังว่าจะได้ปลดหนี้กันในปีนี้ เพราะการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วมาจนถึงเดือน ม.ค.และก.พ.ปีนี้ แต่สุดท้ายต้องมาชะงักในเดือน มี.ค.อีก จึงอยากออกมาแสดงจุดยืนให้ยุติความขัดแย้งเสียที  

“พวกผมไม่ได้เข้าข้างสีใดสีหนึ่ง แต่ที่ไม่ได้ออกมาแสดงจุดยืนช่วงที่กลุ่มเสื้อเหลืองชุมนุมในอดีตนั้นเพราะยังไม่มีประสบการณ์ว่า การชุมนุมส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างไรบ้างแต่เวลานี้มีประสบการณ์ ได้เห็นผลกระทบ จึงต้องออกมาแสดงท่าที หลังจากออกมารวมตัวแสดงจุดยืนกันวันที่ 2 เม.ย.แล้ว เฟสต้า จะประเมินผลตอบรับอีกครั้ง โดยอยากให้เห็นว่าในประเทศนี้ไม่ได้มีแค่รัฐบาลกับกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ต้องการให้คนทุกกลุ่มตื่นตัวดูแลประเทศไทยเช่นกัน ในส่วนของรัฐบาลและกลุ่มคนเสื้อแดง อยากให้รีบๆ คุย รีบๆ ตกลงกันให้ได้เพราะตอนนี้ท่องเที่ยวแย่แล้ว ไม่อยากให้บรรยากาศแบบนี้คงอยู่ไปอีกนานจากเดิมรัฐบาลถอยมาระดับหนึ่ง ประกาศจะยุบสภาใน 9 เดือนแล้ว ก็อาจจะถอยลงมาเหลือ 6-8 เดือน ส่วนกลุ่มคนเสื้อแดงต้องถอยเช่นกัน เพราะถ้าตกลงกันได้ก็ได้ประโยชน์กันทั้งหมด” นายเจริญ กล่าว

นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า การชุมนุมที่ยืดเยื้อส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมแล้ว

โดยหากคำนวณจากตัวเลขรายได้ด้านการท่องเที่ยวทั้งปีนี้ ที่หลายฝ่าย ประเมินไว้ 600,000 ล้านบาท เท่ากับว่า จะมีรายได้ เดือนละ 50,000 ล้านบาท แต่จากตัวเลขที่สมาคมโรงแรมได้รับพบว่า อัตราเข้าพักโรงแรมต่าง ๆ หายไป 20% แล้วในช่วงที่มีการชุมนุม หมายความว่าภายใน 1 เดือนที่มีการชุมนุมนี้ ทำให้รายได้ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยรวมหายไปแล้ว 10,000 ล้านบาท หากการชุมนุมยังยืดเยื้อต่อไปอีกหลายเดือนจะเสียหายกว่านี้อีกหลายหมื่นล้านบาท

ขณะที่ นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทย-จีน กล่าวว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเครื่องบินเช่าเหมาจากจีนที่จะเข้ามาไทยช่วงสงกรานต์จากเดิม100 เที่ยวบิน จะเหลือแค่ 50-60เที่ยวบินเท่านั้น กระทบจำนวนนักท่องเที่ยวหายไป 20,000-40,000 คน รายได้เข้าประเทศหายไป 500-1,000ล้านบาทต่อเดือน

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์