เจอเอดส์พันธุ์ใหม่คาดมาจากแอฟริกา เผยติดเชื้อ-ระบาดง่ายกว่าเดิม

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ถึงกรณีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

พบผู้ป่วยเอดส์ 2 ราย ติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ที่อาจไม่เคยพบมาก่อนในโลก
โดยรายแรกเป็นเชื้อเอชไอวีผสมระหว่าง 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ จีและดี เรียกว่า เอจี-ดี(AG/D) ส่วนรายที่สองเป็นเชื้อเอชไอวีผสม 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ อี และจี เรียกว่า เออี-จี(AE/G) ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบตัวเลขว่ามีผู้ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ผสมนี้มากน้อยแค่ไหน แต่ต้องเฝ้าระวังเข้มข้นขึ้น ส่วนผู้ป่วยทั้ง 2 รายดังกล่าวไม่สามารถสอบสวนกลับไปได้ว่า ติดเชื้อมาอย่างไร เนื่องจากงานวิจัยชิ้นนี้เป็นการตรวจสอบเชื้อจากเลือดของผู้ป่วย ที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นของใคร แต่คาดว่าผู้ติดเชื้ออาจเคยเดินทางไปหรือมีแฟนเป็นคนในประเทศแถบทวีปแอฟริกา


นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการศึกษาเรื่องการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี เนื่องจากทั่วโลกมีไวรัสเอชไอวีกว่า 20 สายพันธุ์

หากศึกษาพบสายพันธุ์ใหม่ จะส่งผลต่อการป้องกันและควบคุมโรค ที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงแนวทางการป้องกันโรคใหม่ แต่ปัจจุบันยังไม่พบสายพันธุ์ใหม่ ที่ส่งผลจนจำเป็นต้องเปลี่ยนการป้องกัน รวมถึงสายพันธุ์ผสมที่พบใหม่นี้ด้วย ที่ยังสามารถป้องกันได้ด้วยการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง
ที่มีเพศสัมพันธ์ ส่วนการรักษาก็สามารถใช้ยาต้านไวรัสที่มีอยู่ คือ ยาสูตรพื้นฐานและยาสูตรดื้อยาได้ตามปกติ โดยประเทศไทยมีผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านไวรัสประมาณ 2 แสนคน รับยาสูตรพื้นฐานประมาณ 1.5 -1.6 แสนคน และอีก 4-5 หมื่นคนรับยาสูตรดื้อยา
 

"จุดแตกต่างสำคัญของเชื้อไวรัสเอชไอวีสายพันธุ์ผสมกับสายพันธุ์ไทย คือจำนวนเชื้อในสารคัดหลั่งของสายพันธุ์ลูกผสมมีมากกว่า เช่น ในน้ำอสุจิของผู้ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ไทย 1 ซีซี จะมีจำนวนเชื้อ 10 ตัว ขณะที่น้ำอสุจิของผู้ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ผสมจะมีเชื้อ 20 ตัว เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลให้การแพร่เชื้อง่ายขึ้น เพราะมีปริมาณเชื้อจำนวนมากขึ้น โอกาสติดก็มากขึ้น ส่วนอัตราการดื้อยาน่าจะมีเท่ากัน คือ ประมาณร้อยละ 10" นพ.สมศักดิ์กล่าว

ขณะที่ ศ.ดร.พญ.รวงผึ้ง สุทเธนทร์ หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า พบหญิง 2 คนที่มาฝากครรภ์กับโรงพยาบาล ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยตรวจพบในโลกมาก่อน

จากปกติเชื้อเอชไอวีที่ระบาดในไทยมีเพียง 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์เอ-อี (A/E) และสายพันธุ์บี (B) โดยสายพันธุ์เอ-อี จะพบมากกว่าร้อยละ 90 ทั้งนี้ทุกปีจะมีโครงการวิจัยเพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์เอชไอวี โดยนำเลือดของผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่เป็นคนไทยมาถอดรหัสตรวจหาสายพันธุ์เอดส์ ซึ่งปีนี้พบความผิดปกติจากตัวอย่างเลือด 2 คน จากกลุ่มตัวอย่างที่ส่งมาทั้งหมด 44 คน เนื่องจากถอดรหัสออกมาพบว่าเป็นสายพันธุ์เอชไอวีที่ไม่เหมือนเดิม คนแรกเป็นเชื้อเอชไอวีที่ผสมระหว่าง 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ จี และดี เรียกว่า เอจี-ดี (AG/D) ส่วนคนที่สองเป็นเชื้อเอชไอวีผสม 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ อี และจี เรียกว่า เออี-จี (AE/G)


ศ.ดร.พญ.รวงผึ้ง กล่าวต่อไปว่า เชื้อเอชไอวีลูกผสม 3 สายพันธุ์ ไม่เคยมีรายงานการพบมาก่อน

โดยสายพันธุ์จีกับดีส่วนใหญ่มักพบในทวีปแอฟริกาโดยเฉพาะไนจีเรีย ส่วนของไทยจะเป็นเออี ตอนนี้สแกนยีนออกมาแล้ว 500 เบส จากทั้งหมด 1,700 เบส เมื่อศึกษาระดับโมเลกุลครบทั้งหมดแล้ว จึงจะทราบรายละเอียดว่าเป็นเชื้อที่แพร่มาจากพื้นที่ใดของโลก ตอนนี้ตั้งสมมติฐานว่าหญิงทั้ง 2 คนได้รับเชื้อมาจากชาวแอฟริกัน ทั้งนี้ไม่มีใครรู้เลยว่าสายพันธุ์จีกับดีเข้าไทยมานานหรือยัง ที่น่าเป็นห่วงคือสายพันธุ์เอชไอวีจากแอฟริกาจะมีความเข้มข้นของเชื้อไวรัสเอดส์ในสารคัดหลั่งมากกว่า ทำให้ผู้สัมผัสติดเชื้อได้ง่ายและแพร่ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์จากทวีปอื่น
 

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์