หมอเตือนรับน้องใช้ปากส่งลูกอม เสี่ยงติด เอดส์

รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านโรคติดเชื้อ กรมการแพทย์ กล่าวเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนว่า ที่น่าห่วง

ขณะนี้พบว่ามีวัยรุ่นในสถานศึกษามีพฤติกรรมรับน้องที่แปลกประหลาด และพิสดาร เช่น ให้รุ่นน้องอมลูกอมเม็ดเดียว และใช้ปากส่งต่อๆ กันไป จนกว่าจะละลายหมดเม็ด ถือว่า เสี่ยงต่อการติดโรคต่างๆ ที่ติดต่อกันทางน้ำลายได้ เช่น เชื้อเอชไอวี โรคไวรัสตับอักเสบเอ โรคไวรัสซีเอ็มวี ไวรัสอีบีวี หรือเรียกว่า "โรคจูบกัน" พบมากในวัยรุ่นต่างประเทศ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ก็มีโอกาสติดได้ง่ายเช่นเดียวกัน ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงวิธีการรับน้องแบบนี้ 


นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผย เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 

สธ.ประกาศขึ้นทะเบียนผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มอีก 1 ราย ถือเป็นรายที่ 10 ของไทย โดยเป็นหญิงชาวไทยอายุ 20 ปี เดินทางไปอยู่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่เดือนมีนาคม และเดินทางกลับถึงไทยเมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา จากนั้นเริ่มป่วยด้วยอาการปวดศีรษะ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม เมื่อส่งตัวอย่างเสมหะในลำคอตรวจทางไวรัสวิทยา ไปตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สธ. ผลตรวจยืนยันเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ขณะนี้ อาการทั่วไปดีขึ้น ไข้ลดลง แพทย์ได้ให้กินยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ จนครบ 5 วัน


ทั้งนี้ สธ.ยังได้ส่งทีมสอบสวนโรคลงพื้นที่ติดตามอาการของผู้สัมผัสใกล้ชิดของผู้ป่วยรายนี้ 4 ราย

โดยให้พักอยู่กับบ้าน เป็นเวลา 3 วัน พร้อมให้คำแนะนำลดกิจกรรมที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น ล้างมือบ่อยๆ ใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่สู่ผู้อื่น จนถึงขณะนี้ยังไม่พบรายใดมีอาการผิดปกติ
นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัด สธ. กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยรายที่ 9 ที่กำลังรักษาตัวที่โรงพยาบาลขณะนี้อาการทั่วไปดีขึ้นมาก ไข้ลดลงจนเป็นปกติ รวมถึงผู้สัมผัสใกล้ชิดทั้ง 6 ราย ก็ยังไม่มีรายใดมีอาการผิดปกติ เจ้าหน้าที่จะทำการติดตามจนกว่าจะพ้นระยะอันตรายครบ 7 วัน

ขณะที่ นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัด สธ. กล่าวว่า สธ.จะเชิญบริษัทเอเจนซี่ที่ทำหน้าที่จัดส่งคนไทยไปทำงานและท่องเที่ยวในสหรัฐ เป็นระยะเวลาสั้น 3 เดือน

หน่วยงานที่มีการมอบทุนให้นักเรียน นักศึกษาไทย ไปศึกษาต่อในต่างประเทศ และกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ประชุมร่วมกันในวันที่ 9 มิถุนายน เพื่อให้กลับไปทำความเข้าใจกับนักเรียน นักศึกษา ให้ปฏิบัติตัวให้ถูกต้องก่อนเดินทางกลับเข้าประเทศ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยอาจจำเป็นต้องมีการทบทวนมาตรการการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันด้วย โดยสิ่งที่ สธ.เป็นห่วงในขณะนี้คือ การพยายามป้องกันไม่ให้เกิดผู้ป่วยพร้อมกันเป็นจำนวนมาก เช่น 20 คน หรือ 30 คน เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น เพราะจะทำให้การควบคุมโรคทำได้ยากมากขึ้น         


ปลัด สธ.กล่าวว่า ระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคมนี้ เป็นช่วงการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ตามฤดูกาลในประเทศไทย

หากมีการพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มมากขึ้น ตามหลักวิชาการก็มีความเป็นไปได้ที่ไวรัส 2 สายพันธุ์นี้ จะผสมกัน กลายเป็นสายพันธุ์ใหม่ ที่แพร่กระจายได้มากขึ้น เพราะเป็นสายพันธุ์ที่คนไทยยังไม่มีภูมิต้านทาน ส่วนจะมีความรุนแรงมากเพียงใดไม่มีใครสามารถบอกได้ จนกว่า จะพบผู้ป่วยที่เป็นกรณีศึกษา อย่างไรก็ตาม หากประชาชนดูแลตนเองตามวิธีการป้องกันการติดโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ตามที่ สธ.ประชาสัมพันธ์ อาจจะส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ตามฤดูกาลในไทยลดลงกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากวิธีการป้องกันการติดโรคไข้หวัดใหญ่แต่ละสายพันธุ์ไม่แตกต่างกัน


องค์การอนามัยโลกรายงานสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในวันเดียวกันว่า พบผู้ป่วยใน 69 ประเทศ จำนวน 21,940 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 8 ราย
รวมผู้เสียชีวิตทั้งหมด 125 ราย ใน 4 ประเทศ ดังนี้ เม็กซิโก 103 ราย สหรัฐอเมริกา 17 ราย แคนาดา 3 ราย ชิลี 1 ราย และคอสตาริกา 1 ราย อัตราป่วยเสียชีวิต ร้อยละ 0.57 สำหรับประเทศไทย มีผู้ป่วยยืนยัน 10 ราย และมีผู้ป่วยในข่ายเฝ้าระวัง อยู่ระหว่างการสอบสวนโรคและตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ 6 ราย แต่ยังไม่พบการระบาดในพื้นที่
 

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์