พตต.ช็อกใจวาย เปลือยดับคาเตียง

เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 1 ก.ค. ร.ต.ท.ทองพูน ประกอบกิจ ร้อยเวร สภ.เมืองนครพนม
 
รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตที่ห้องพักเลขที่ 206 ของเอสพีอพาร์ตเมนต์ ถนนนิตโย เขตเทศบาลเมืองนครพนม จึงรายงานให้ พ.ต.อ.พงศ์ศิริ เพ็ชรหว้าโง๊ะ ผกก.นำกำลังตำรวจชุดสืบสวนเดินทางไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวร รพ.นครพนม และเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการ พบศพ พ.ต.ต.เฉลิมพงษ์ ชูคำสัตย์ อายุ 59 ปี สว.สส.สภ.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม อยู่บ้านเลขที่ 145/48 ถนนประชาร่วมมิตร ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม
 
ศพนอนบนเตียงในสภาพเปลือยกาย โดยมีผ้าห่มสีขาวคลุมร่างไว้ ตามลำตัวไม่พบบาดแผลถูกทำร้าย บริเวณอวัยวะเพศมีคราบอสุจิเปรอะเปื้อนจำนวนมาก โดยมีหญิงสาว ทราบชื่อ น.ส.โอธินันท์ บุญรักษ์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 10 ต.น้ำเที่ยง อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร แฟนสาวผู้ตายนั่งร้องไห้น้ำตานองหน้า
  

สอบสวน น.ส.โอธินันท์ ให้การทั้งน้ำตาว่า

หลังแยกทางกับภรรยา ผู้ตายได้คบหาเป็นแฟนกับตนอย่างลึกซึ้งมานานร่วม 2 ปี โดยตนอยู่ที่บ้าน อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร และมักไปมาหาสู่กันเป็นประจำ เนื่องจาก พ.ต.ต.เฉลิมพงษ์ ทำงานอยู่ที่ จ.นครพนม ก่อนเกิดเหตุช่วงเย็นของวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมาตนได้นั่งรถโดยสารจากบ้านที่ จ.มุกดาหาร เดินทางมาหาผู้ตาย หลังพบหน้ากัน พ.ต.ต.เฉลิมพงษ์พานั่งรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กข 3545 มุกดาหาร
ไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครพนม โดยผู้ตายได้สั่งเบียร์มากิน 2 ขวด จากนั้นพามาเช่าห้องของเอสพีอพาร์ตเมนต์พักค้างคืน 



น.ส.โอธินันท์ให้การอีกว่า

หลังเข้าห้องพักแล้วผู้ตายได้ขอร่วมหลับนอนจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง จากนั้น พ.ต.ต.เฉลิมพงษ์บอกว่ารู้สึกแน่นเจ็บหน้าอกหายใจติดขัดก่อนชักตัวเกร็ง ตนจึงรีบวิ่งลงไปเรียกพนักงานที่อยู่เคาน์เตอร์ชั้นล่างให้ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล แต่ไม่ทันการณ์ เมื่อขึ้นมาถึงที่ห้องพัก ปรากฏว่าพบ พ.ต.ต.เฉลิมพงษ์ได้สิ้นใจตายไปก่อนแล้ว จึงแจ้งตำรวจทราบเหตุดังกล่าว


ขณะที่แนวทางการสืบสวนทราบว่า

พ.ต.ต.เฉลิมพงษ์ ผู้ตายมีโรคประจำตัวคือโรคเบาหวาน กับโรคความดันสูง รักษาไม่หายมานาน จากพยานหลักฐานตำรวจลงความเห็นว่า ผู้ตายคงมีอาการเหนื่อยหลังจากร่วมรักกับแฟนสาว เพราะมีอายุมากแล้ว ประกอบกับกินเบียร์เข้าไปด้วยทำให้โรคความดันกำเริบจนช็อกตายอนาถ ซึ่งจะได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆพร้อมนำศพส่ง รพ.นครพนม ทำการผ่าพิสูจน์เพื่อหาสาเหตุให้แน่ชัดอีกครั้ง


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์