เปิดประวัติ “บิ๊กต่อ” จากพนักงานบริษัทสู่ ผบ.ตร. คนที่ 14


เปิดประวัติ “บิ๊กต่อ” จากพนักงานบริษัทสู่ ผบ.ตร. คนที่ 14


มติ ก.ตร. ลงมติเอกฉันท์ เลือก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. อาวุโสอันดับ 4 ขึ้นเป็น ผบ.ตร. คนที่ 14 ครองนามเรียกขาน พิทักษ์ 1

พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล อายุ 59 ปี มีชื่อเล่นว่า "ต่อ" เกิดเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2507 ที่จังหวัดเพชรบุรี เป็นน้องชายของ พลอากาศเอก สถิตย์พงศ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวัง

การศึกษา จบการศึกษาชั้นมัธยม ที่โรงเรียนโยธินบูรณะ และระดับปริญญาตรีที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นสิงห์แดง รุ่นที่ 38




เปิดประวัติ “บิ๊กต่อ” จากพนักงานบริษัทสู่ ผบ.ตร. คนที่ 14

ประวัติการทำงาน จากพนักงานบริษัท สู่นายตำรวจ


หลังเรียนจบ เข้าทำงานเป็นพนักงาน บริษัท น้ำมันคาลเท็กซ์ ทำอยู่ได้ 7 ปี ก็ลาออก เดินหน้าทำตามความฝันตั้งแต่วัยเด็กที่อยากเป็นตำรวจ

โดยเข้าฝึกอบรมหลักสูตร ผู้มีวุฒิทางด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอต.) รุ่นที่ 4 รุ่นเดียวกับ นายวัน อยู่บำรุง



จากตำแหน่งรองสารวัตรสู่ผู้บัญชาการ


เริ่มต้นชีวิตเป็นตำรวจ ในปี 2540 ในตำแหน่ง รองสารวัตร กองกำกับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 จากนั้น ย้ายมาเป็น รองสารวัตร ที่กองปราบปราม แล้วไปขึ้นเป็น สารวัตร ที่ตำรวจท่องเที่ยว ก่อนจะโยกกลับมาเป็น สารวัตรกองกำกับการปฎิบัติการพิเศษ กองปราบฯ กระทั่งได้ขึ้นเป็น รองผู้กำกับ และผู้กำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองปราบ ก่อนจะขึ้นเป็น รองผู้บังคับการปราบปราม

- ปี 2561 จะขึ้นเป็นผู้บังคับการ กองบังคับการถวายความปลอดภัยและปฏิบัติการพิเศษ 191 (ล่าสุดเปลี่ยนชื่อเป็น กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ)
- ปี 2562 เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
- ปี 2563 เป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
- ปี 2564 เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
- ปี 2565 เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบงานป้องกันปราบปราม
- ปี 2566 สถานะขณะนี้ เป็นว่าที่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ระหว่างการรับราชการ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ ได้รับฉายา ทั้ง "มือปราบสายธรรมะ" และ "โรโบคอปสายบุญ" ที่บรรดาสื่อมวลชนสายอาชญากรรม ต่างขนานนามให้ เนื่องจากเป็นนายตำรวจที่ใช้หลักธรรมในการทำงาน บ่อยครั้งจะเห็น พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ เดินสายปฎิบัติธรรมตามสถานที่ต่างๆ



เครดิตแหล่งข้อมูล : pptvhd36


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์