โดยนายประณีตเล่าให้ฟังว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สำหรับเลี้ยงเต่า โดยทำการปรับสภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด ส่วนผ้าใบที่วางแผ่ไว้ใต้ร่มไม้หลายผืน นายประณีตบอกว่า ให้เป็นที่สำหรับหลบภัยและหลับนอนพักผ่อนของเต่า พร้อมกับเปิดให้ดูว่าใต้ผ้าใบทุกผืนมีเต่าขนาดและชนิดต่างๆ นอนปะปนกันเป็นกองๆ นับร้อยๆ ตัว พร้อมบอกว่าเป็นธรรมชาติของเต่าที่กลางวันจะนอนพักผ่อน โดยหาที่มืดๆ และปลอดภัยเป็นที่หลับนอน ส่วนเวลากลางคืนเต่าเหล่านี้จะพากันคลานออกจากที่นอนไปหากินพืชและสัตว์ทั่วพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ให้
นอกจากนี้นายประณีตยังอธิบายให้ฟังด้วยว่า เต่าตัวผู้กับเต่าตัวเมียมีลักษณะแตกต่างกันตรงที่เต่าตัวเมียจะมีกระดองด้านใต้ท้องเรียบเสมอกันหรือนูนเล็กน้อย ส่วนเต่าตัวผู้จะมีกระดองใต้ท้องเว้าเป็นรูปวงรี สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากเวลาเต่าจะผสมพันธุ์ เต่าตัวผู้จะต้องขึ้นขี่หลังเต่าตัวเมียและใช้เล็บของเท้าคู่หน้าเกี่ยวขอบกระดองเต่าตัวเมียไว้ แต่กระดองด้านหลังเต่าจะมีลักษณะตุง หากกระดองใต้ท้องเต่าตัวผู้เรียบเหมือนเต่าตัวเมียจะไม่สามารถผสมพันธุ์กันได้ เพราะจะไม่สามารถใช้เล็บเท้าคู่หน้าเกี่ยวขอบกระดองของเต่าตัวเมียไว้ได้
สำหรับเหตุผลที่เลี้ยงเต่าไว้จำนวนมากถึงกว่าพันตัว นายประณีตเล่าให้ฟังว่า เมื่อตอนตนยังเด็กๆ เห็นคนจับเต่ามาเผาไฟเพื่อนำเนื้อไปทำอาหาร และเห็นคนเผาป่าทำสวน ทำให้เต่าถูกไฟครอกตายเพราะหนีไม่ทัน ในแต่ละปีจะมีคนเผ่าป่าจำนวนมาก และเต่าก็ถูกไฟเผาตายจำนวนมากด้วยเช่นกัน โตขึ้นตนเองจึงหาวิธีการช่วยเต่าด้วยการสะสมเต่าต่างๆ ไว้เพื่อให้รอดพ้นจากการถูกไฟเผา โดยทำมานานกว่าสิบปีแล้ว จนมีเต่าต่างๆ มาก ทั้งเต่าดำ เต่านา เต่าปวก เต่าหัก เต่าใบไม้ นายประณีตบอกว่าเต่าเหล่านี้เลี้ยงง่าย กินอาหารพวกผลไม้ มะละกอ กล้วย ผักบุ้ง สับปะรด กล้วย และกินน้อยไม่เคยเป็นโรค ตนเองเลี้ยงเต่าแล้วสบายใจ
เมื่อเต่าเพิ่มจำนวนมากขึ้นจึงมีคนมาขอดู และเป็นที่มาของการเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตเต่า ในแต่ละปีจะมีนักเรียนนักศึกษาเดินทางมาศึกษาดูงานกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนจะให้บริการอย่างดี เพราะคิดว่าช่วยให้เต่ามีชีวิตรอด มีความสุขและยังเป็นวิทยาทานจากการให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญ ได้แนวร่วมคนรักเต่าเพิ่มมากขึ้นด้วย