หมีขย้ำสามเณรหมาช่วยรอดตาย

สามเณรวัย 20 ปี ถูกหมีหมาตะปบ ขณะขับรถจยย.กลับวัด ได้หมาพันธุ์อเมริกันพิทบูล 3 ตัวช่วยไว้ได้

สามเณรไซโปซึ่งบวชสามเณรอยู่ที่วัดป่าค่ายท่านมุกมา 7 ปี กล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันเดียวกัน
 
ขณะที่ขับรถจักรยานยนต์ออกไปเอาเครื่องมือช่างที่กุฎิซึ่งอยู่ด้านหลังของวัดและห่างจากวัดประมาณ 300 เมตร และอยู่ติดกับแนวเทือกเขาที่ยังมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์  ขณะขับรถจักรยานยนต์กลับวัดได้มีหมีหมาสูง 1  เมตร วิ่งออกมาจากป่าและกระโดดตะปบมาจากด้านหลังจนล้มลงและใช้กรงเล็บขย้ำระหว่างหัวเข่า กับข้อเท้าก่อนที่จะใช้คมเขี้ยวกัดเข้าที่สะบ้าหัวเข่าเป็นแผลฉกรรจ์ พยายามดิ้นรนเพื่อหนีแต่สู้แรงหมีหมาไม่ได้ 
       
ระหว่างนั้นได้มีสุนัขของ ฃตัว ซึ่งเป็นพันธุ์อเมริกันพิทบูล  ชื่อ เจ้าศักดิ์ศรี มิตรแท้ และซื่อสัตว์ 

วิ่งตามหลังมาจากวัดได้ช่วยกันเข้ารุมกัดหมีหมาจนยอมปล่อยและวิ่งหนีหายเข้าไปในป่า อาตมาจึงรีบวิ่งกลับวัดก่อนที่จะหมดแรงล้มพับและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หากไม่มีสุนัขทั้งสามตัวมาช่วยไว้เชื่อว่าคงถูกหมีหมาขย้ำตายแน่นอน
       
นายสถิตย์ ทันตจิตโต ประธานสงฆ์วัดป่าค่ายเขามีเกียรติ 

กล่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความหวาดกลัวให้กับพระและเณรที่อยู่ภายในวัด เนื่องจากทุกเช้าจะต้องเดินขึ้นไปบนเขา ซึ่งใช้สถานที่ทำวัดสวนมนต์ เกรงว่าหมีหมาตัวนี้จะลงมาทำร้ายอีกและหากต้องขึ้นไปก็ต้องขึ้นไปพร้อมๆกันหลายคนและมีไม้หรืออาวุธป้องกันตัว 
       
นายสุชาติ แสงมณีประดับ  ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ หมู่ 5 บ้านเขามีเกียรติ   กล่าวว่า 

หลังเกิดเหตุได้แจ้งให้ชาวบ้านที่มีสวนยางอยู่บริเวณแนวเทือกเขารังเกียรติได้ทราบเพื่อให้ระวังตัวขณะออกไปกรีดยางพร้อมกับได้แจ้งไปอำเภอสะเดาแล้วเพื่อหาทางป้องกันโดยเชื่อว่าหมีหมาตัวหนีน่าจะยังคงอาศัยอยู่บริเวณแนวเทือกเขารังเกียรติ ซึ่งสภาพป่ายังสมบูรณ์ และก่อนหน้านี้ชาวบ้านเคยเห็นมาหลายครั้งแต่ไม่คิดว่าจะลงจากเขาและทำร้ายสามเณร 
       
สำหรับลักษณะของหมีหมาเป็นหมีที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกลำตัวยาวประมาณ 1 เมตรขนตามตัวสั้นสีดำปนน้ำตาล

ขนบริเวณอกโค้งเป็นรูปตัวยูมีสีขาวนวลบริเวณตั้งแต่ตาไปจนถึงปลายจมูกมีสีค่อนข้างออกไปทางขาวหรือน้ำตาลอ่อน โดยจะออกหากินในเวลากลางชอบอาศัยอยู่ในป่าทึปมีนิสัยดุร้ายโมโหง่ายและขึ้นต้นไม้เก่งชอบนอนบนต้นไม้หรือโพรงไม้สูงๆ โดยจะส่งเสียงร้องคล้ายกับสุนัขเวลาเห่า พบได้ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งไทย พม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินและทางตอนใต้ของประเทศจีน โดยเฉพาะในประเทศไทยพบมากในภาคใต้และจัดอยู่ในประเภทสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพ.ศ.2535