คนกรุงสยอง 2 เดือนทิ้งทวนฤดูฝนเต็มรูปแบบ นักวิชาการดัง เตือน ก.ย.สุดอันตรายทั้งเขื่อนใหญ่ปล่อยน้ำ น้ำป่ารุนแรง น้ำทะเลหนุนหนัก เร่งภาครัฐรับมือ... “สาเหตุที่ระยะนี้ฝนไม่ค่อยตกตามเวลาเหมือนเดิมมาจากอิทธิพลของร่องความกดอากาศ ที่อ่อนกำลัง และจะลงมาใหม่อีก 3-4 วัน ส่วนเรื่องพายุที่บอกว่า จะเข้ามาในประเทศไทยหลายลูกนั้น ถือว่าโชคดีมาก ที่พายุหลายลูกพัดเข้าไปจีน และญี่ปุ่นกันหมด อย่างไรก็ดีสิ่งที่ต้องเฝ้าระวังมากในระยะเวลาอันใกล้ คือ ปริมาณน้ำสะสมตามเขื่อนต่างๆ เช่น เขื่อนจากภาคเหนือ และภาคอีสาน และหากฝนยังตกหนักแบบนี้ กลางเดือนหน้ากรุงเทพฯ จะวิกฤตมากๆ เนื่องจากเขื่อนต่างๆ จะปล่อยน้ำที่เต็มเขื่อนออกมา ถึงเวลานั้น สิ่งที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้กันก็คือ เวลาน้ำมากๆ พอเข้าฤดูหนาวภาคเหนือ-อีสานจะหนาวหนักขึ้นไปอีก จึงอยากจะให้ประชาชนเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ”
นายอังสุมาล ศุนาลัย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวผ่าน"ไทยรัฐออนไลน์"
ถึงสถานการณ์อากาศปัจจุบันว่า แม้ที่ผ่านมาถือว่าไม่น่าเป็นห่วงมาก เนื่องจากเป็นช่วงที่ฤดูฝนพักยก หลังจากที่ตกหนักติดต่อมาหลายวัน แต่นับจากเดือนกันยายนเป็นต้นไป จะเข้าฤดูฝนตกหนักเต็มรูปแบบทั่วทุกพื้นที่ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ
เตือนกันยาสยองกรุงเทพฯ อัมพาตหนัก น้ำทุกทิศไหลสกรัม
ด้าน ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ “ด้วยสถานการณ์น้ำไหลมาร่วมกันมากมายเช่นนี้ผมเชื่อว่ามันจะทำให้กรุงเทพฯเป็นอัมพาตจากน้ำท่วมขังได้ จึงประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนอยู่ในที่ราบรับมือด้วย” ประธานกรรมการมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวในที่สุด
อธิบายถึงอิทธิพลของพายุเฮอร์ริเคน “เอิร์ล” ระดับ 4 (กว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ซึ่งรุนแรงมากๆ ที่กำลังพัดถล่มหลายประเทศแถบทะเลแคริบเบียนอยู่ขณะนี้ว่า ประเทศไทยจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่สิ่งที่คนไทยต้องตระหนักเดือนหน้าไทยจะได้รับอิทธิพลจากพายุโซนร้อนที่ เพิ่งเข้าเกาะไต้หวัน และประเทศจีน 2 ลูก ส่งผลให้ลมตะวันตกเฉียงใต้รุนแรงมากขึ้นแล้วก็พาฝนเข้ามาประเทศไทยมากมาย
“ตอนนี้ภัยแล้งได้หมดไปจากประเทศไทย แต่กลายสภาพมาเป็น “ลานิญ่า” จากน้ำท่วมแทน เนื่องจากสถานการณ์ปริมาณน้ำมาก ซึ่งจากข้อมูลที่เกาะติดพบว่าเดือนกันยายนน้ำจะเยอะมากๆ ในภาคกลาง แต่สิ่งที่ผมเป็นห่วงมากๆ ก็คือปริมาณน้ำใน “เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์” จังหวัดลพบุรี ซึ่งก็มีปริมาณน้ำก็เริ่มเต็มที่และจะต้องปล่อยน้ำออกมา ดังนั้นน้ำจะท่วมเต็มกรุงเทพฯ โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมน้ำทะเลก็หนุน น้ำป่าไหลหลากซ้ำแถมน้ำเหนือวิ่งมา จาก จ.พิจิตร จ.พิษณุโลก จ.สุโขทัย เข้ามาที่ จ.ชัยนาท จะมาท่วมสะสมที่ จ.นครสวรรค์ หลังจากนั้นก็จะวิ่งเข้ากรุงเทพฯปลายๆ เดือนกันยายนพร้อมกัน”
ทั้งนี้ บริเวณที่เป็นพื้นที่วิกฤตมากที่สุดนั้นคือ จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสงคราม และกรุงเทพฯ