ยกหนี้ให้ครูน้อยกว่าครึ่งล้าน

ตำรวจโดดเคลียร์เจ้าหนี้ยกดอกให้

เจ้าหนี้ใจดียกหนี้ให้ “ครูน้อย” กว่าครึ่งล้าน บางรายเลิกเก็บดอก-หยุดเก็บรายวัน แต่ปัดไม่เคยข่มขู่ หลัง “พงศพัศ” เป็นตัวกลางตั้งโต๊ะเจรจา

ขณะที่หลายฝ่ายยื่นมือหาทางช่วยปลดหนี้นอกระบบ ดีเอสไอเล็งหาสถาบันการเงินรองรับ ด้าน พม.ระบุถ้าไม่ไหวอ้าแขนรับเด็กทั้งหมดมาดูแลแทน เผยให้เงินช่วยบ้านครูน้อยทุกเดือนมาตั้งแต่ปี 47 ส่วนคลังปัดให้เงินกู้เคลียร์หนี้นอกระบบ ระบุวงเงินสูงเกินเงื่อนไข “กรณ์” จี้ชี้แจงเรื่องหนี้ให้ชัดเจน หวั่นผลกระทบเงิน บริจาค

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 ก.พ.  พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบก.น.8 และ พ.ต.อ.ดุสิต สมศักดิ์ ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ เดินทางมาพบนางนวลน้อย ทิมกุล หรือครูน้อย อายุ 67 ปี ที่สถานรับเลี้ยงเด็กยากจนบ้านครูน้อย เลขที่ 319 หมู่ 1 ซอยราษฎร์บูรณะ 26 แขวงและเขตราษฎร์บูรณะ เพื่อดูแลไกล่เกลี่ยเจรจากับเจ้าหนี้ที่ครูน้อยกู้เงินมา โดยมอบหน้าที่ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบรายชื่อเจ้าหนี้ของครูน้อยทั้งหมด พบว่าขณะนี้มีผู้ที่เข้ามาแจ้งว่าเป็นเจ้า หนี้ทั้งหมด 21 ราย โดยในจำนวนนี้มี 3-4 รายที่เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่
   
นายกมล ถาวรวงษ์ อายุ 67 ปี เจ้าหนี้รายหนึ่งที่ครูน้อยกู้ยืมเงินมา เปิดเผยว่า ตนประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์

โดยรู้จักกับครูน้อยมานานแล้ว เมื่อปี 2548 ครูน้อยมาขอยืมเงินตนโดยบอกว่าเดือดร้อนตนก็ให้ยืมเงินไป และจากนั้นครูน้อยก็ยืมเงินตนเรื่อยมา โดยคิดเป็นจำนวนเงินต้น 5.5 แสนบาท รวมทั้งต้นและดอกจนถึงขณะนี้เป็นจำนวน 1.3 ล้านบาท และครูน้อยได้ชำระมาแล้วจนเหลือเฉพาะเงินต้น ซึ่งตนจะยกหนี้ก้อนนี้ให้แต่ยังมีเงินอีกจำนวน 3 แสนบาท ที่ครูน้อยยืมมาก่อนหน้านั้น ซึ่งตนคงไม่ยกให้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ให้นายกมลไปหาหลักฐานการให้กู้เงินมาแสดง
   
ด้านนายสมชาย รัตนนิพนธ์ อายุ 55 ปี เจ้าหนี้อีกราย กล่าวว่า ครูน้อยมายืมเงินตนไปทั้งหมดจำนวน 7 แสนบาท


โดยตกลงจะจ่ายดอกเบี้ยวันละ 2 พันบาท โดยไม่ได้ทำสัญญากู้เงิน เพราะไว้ใจกันและรู้จักกันมานาน ส่วนหนี้สินจะต้องไปปรึกษากับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของเงินว่าจะชำระเงินกันอย่างไรต่อไป ส่วนที่ให้หยุดเก็บดอกรายวันตนไม่มีปัญหาอะไร
    
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้า มีนายโอ๊ค และนางอ้อ (ไม่ขอเปิดเผยชื่อจริง) หนึ่งในเจ้าหนี้เดินทางมาพบครูน้อยและแสดงอาการไม่พอใจ

โดยบอกว่าครูน้อยสร้างข่าว และนำชื่อของตนมาเปิดเผยว่าตนเป็นเจ้าหนี้เงินกู้ ตนเกรงว่าตนจะเดือดร้อนเนื่องจากตนทำงาน ซึ่งจะต้องติดต่อกับหน่วยงานราชการ โดยเงินที่ให้ยืมมาก็เป็นเงินเก็บของตนเป็นจำนวน 6.3 แสนบาท บางครั้งครูน้อยก็ไม่ได้ส่งดอกเบี้ยตามกำหนด ซึ่งตนก็ไม่เคยข่มขู่ หรือมีปัญหาอะไร อยากฝากให้หน่วยงานของรัฐมาดูแลในส่วนของบัญชีรายรับรายจ่ายของมูลนิธิ เพื่อความโปร่งใส เพราะเท่าที่ทราบมีผู้มาบริจาคเงินเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่เหตุใดครูน้อยถึงมีหนี้สินจำนวนมาก


ด้าน พล.ต.ท.พงศพัศ เปิดเผยว่า ตนมาวันนี้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมรายชื่อเจ้าหนี้ทั้งหมดและจำนวนเงินที่ครูน้อยเป็นหนี้

พร้อมทั้งได้เจรจากับเจ้าหนี้ทุกราย โดยขอให้เจ้าหนี้ทุกรายหยุดเก็บในส่วนที่เป็นดอกเบี้ยรายวันตั้งแต่เมื่อวานนี้ (7 ก.พ.) และจะตรวจสอบยอดเงินให้ตรงกันระหว่างครูน้อยกับเจ้าหนี้ โดยต้องตรวจสอบจากหลักฐานเอกสารการกู้ นอกจากนี้ตนยังหาช่องทางที่จะช่วยเหลือ โดยอาจจะเป็นคนกลางในการเจรจากับเจ้าหนี้ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการลดหนี้บางส่วน หรือจะมีใครบ้างที่จะเข้ามาช่วยเหลือครูน้อย
   
อีกด้านหนึ่งชาวบ้านในละแวกดังกล่าวต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ ว่าสงสัยในระบบของการใช้จ่ายเงินของบ้านครูน้อย ว่ามีการใช้จ่ายเงินไปทางใดบ้าง

และเด็กที่อยู่ในการดูแลของบ้านครูน้อยมีไม่กี่คนที่เป็นเด็กกำพร้า ส่วนที่เหลือมีผู้ปกครองอยู่แล้ว ในแต่ละวันเด็กเหล่านี้จะเข้ามาขอเงินไปเป็นค่าขนมไปโรงเรียน หรือเข้ามากินอาหาร ทั้ง ๆ ที่เด็กเหล่านี้มีพ่อแม่อยู่แล้ว พ่อแม่เด็กบางรายก็ไม่ทำงานให้ลูกเข้ามาขอเงินครูน้อยอย่างเดียว ซึ่งชาวบ้านต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากให้มีผู้เข้ามาช่วยตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวด้วย
   
ส่วนที่กระทรวงการคลัง นายกรณ์  จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า โดยส่วนตัวรู้จักกับครูน้อยมาก่อนตั้งแต่สมัยเป็น ส.ส. และ  เห็นถึงความตั้งใจในการทำงาน

แต่พอมีข่าวลักษณะนี้ออกมา เกรงว่าจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริจาคเงินและต่อตัวครูน้อยเอง หนี้สินที่เกิดจากการกู้ยืมเงินนอกระบบนั้น เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าปัญหาดังกล่าวแทรกซึมไปในทุกส่วนของสังคม แต่ทั้งนี้คงต้องดูว่าเงินที่กู้ยืมมามากขนาดนั้น ถูกนำไปใช้จ่ายด้านใดบ้าง ส่วนการจะให้รัฐยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือรับโอนหนี้เข้ามาอยู่ในระบบนั้น หากพิจารณาจากมูลหนี้แล้วคงทำไม่ได้ เพราะตามโครงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบของรัฐบาลที่กำลังดำเนินการอยู่นี้ ได้กำหนดเงื่อนไขเงินกู้แค่ไม่เกิน 200,000 บาทเท่านั้น
   
“ดังนั้นการช่วยเหลือคงต้องมาตรวจสอบดูว่าทำไมถึงเป็นหนี้สินมากขนาดนั้น และจะมีแนวทางแก้ไขได้อย่างไร เพื่อดูแลไม่ให้กระทบกับงานที่ครูน้อยทำอยู่ หรือกับ  เด็ก ๆ ที่อยู่ในความดูแล โดยเกรงว่าจะเกิดผลกระทบกับเงินบริจาคที่เคยได้รับ เรื่องนี้คงต้องดูให้ชัดเจน” รมว.คลัง กล่าว
   
ด้านนายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า กระทรวงได้ช่วย เหลือบ้านครูน้อยมาตลอด


ตั้งแต่ประสบปัญหาเมื่อปี 47 และช่วยเหลือมาจนถึงปัจจุบัน โดยช่วยเป็นเงินค่าอาหารของเด็กเดือนละกว่า 10,000 บาท หรือปีละแสนกว่าบาท ซึ่งล่าสุดเมื่อเกิดปัญหาตนก็ส่งนักสังคมสงเคราะห์ไปดูที่บ้าน พบว่าครูน้อยมีเด็กที่ดูแล 72 คน แต่ที่กินอยู่นอนค้างบ้านครูน้อยมีจำนวน 18 คน ส่วนที่เหลือเป็นเด็กในชุมชนที่มีพ่อแม่ก็จะกลับไปนอนที่บ้าน ตอนเช้าจึงมากินข้าวและรับเบี้ยเลี้ยงไปโรงเรียน
    
“ความจริงบ้านครูน้อยมีเงินบริจาค และเงินที่กระทรวง พม.สนับสนุน ซึ่งปัญหาบ้านครูน้อยผมไปดูเองมาหลายครั้ง และบอกครูน้อยว่าหากมีปัญหา กระทรวง พม.จะรับไป  ดูแลเอง สำหรับเด็กชายเรามีสถานสงเคราะห์บ้านปากเกร็ดดูแล ส่วนเด็กหญิงเรามีบ้านราชวิถีดูแล แต่ครูน้อยก็บอกว่าดูแลเองได้ ล่าสุดที่มีปัญหาหนี้นอกระบบครูน้อยก็ยังบอกดูแลได้อีก”
ปลัด พม. กล่าว
    
นางมาริน วีระสุนทร นักสังคมสงเคราะห์สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านปาก เกร็ด กระทรวง พม. กล่าวว่า กระทรวงฯส่งนักสังคมสงเคราะห์มาดูแลบ้านครูน้อยหลายครั้ง

หลังเกิดปัญหาล่าสุดตนได้มาที่บ้านครูน้อยเบื้องต้นพบว่าปัญหาส่วนใหญ่คือเรื่องหนี้นอกระบบ แต่เรื่องการดูแลเด็กครูน้อยบอกว่ายังดูแลได้ โดยมีเงินทุนหมุนเวียนประมาณ 3 แสนบาท ให้เด็กใช้จ่ายเรื่องการเรียน โดยมีค่าใช้จ่ายต่อวันประมาณ 6 พันบาท หรือ 1.8 แสนบาทต่อเดือน ซึ่ง พม.ได้ช่วยค่าอาหารเด็ก 9 คน เดือนละกว่า 10,000 บาท ซึ่งครูน้อยยังไม่ได้แจ้งความประสงค์จะให้ช่วยเหลือส่วนอื่น อย่างไรก็ตามเรื่องบัญชีรายรับรายจ่ายอื่นยังไม่ค่อยจัดทำเป็นระบบ เห็นเพียงระบุการจ่ายเบี้ยเลี้ยงเด็กแต่ละวันเท่านั้น     
   
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอมีศูนย์แก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบภาคประชาชนซึ่งพร้อมให้การช่วยเหลือ

ซึ่งแนวทางความช่วยเหลือเบื้องต้นจะพิจารณาว่าหนี้สินของครูน้อยเป็นอย่างไร มีการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ นอกจากนี้ดีเอสไอจะประสานกระทรวงการคลังเพื่อให้มีการเจรจาประนอมหนี้ เพื่อจัดหาสถาบันการเงินในระบบให้รับโอนหนี้ครูน้อยเข้าไปดูแล เพื่อให้ครูน้อยจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้น้อยลงและเป็นธรรม ดังนั้นจึงขอให้ครูน้อยเข้าร้องทุกข์ต่อศูนย์แก้ไขปัญหาหนี้นอก
ระบบภาคประชาชน.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์