ฮีโร่เผยนาทีตะปบไฟขวางบึ้ม

เมื่อ 27 ธ.ค. บีบีซีและเอเอฟพีรายงานความคืบหน้าเหตุการณ์ระทึกนายอุมาร์ ฟารุก อับดุลมูตัลลับ หนุ่มไนจีเรียวัย 23 ปี

เตรียมระเบิดเครื่องบินสายการบินนอร์ธเวสต์ เที่ยวบิน 253 บรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือ 290 ชีวิต ในวันคริสต์มาส ว่า ทางการสหรัฐสั่งฟ้องนายมูตัลลับในข้อหาพยายามจะระเบิดเครื่องบินแล้ว ขณะมีรายงานเปิดเผยประวัติเบื้องลึกของหนุ่มรายนี้ว่า เคยเป็นนักศึกษาในสถาบันชั้นนำ ครอบครัวมีฐานะร่ำรวย ส่วนหนุ่มที่เป็นฮีโร่ช่วยระงับเหตุไว้ได้ เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ชาวดัตช์

บีบีซีรายงานว่า นายอัลฮาจี อุมารู มูตัลลับ พ่อของผู้ต้องหา เป็นนายธนาคารที่มีฐานะร่ำรวย

เมื่อเดือนก่อนนายอัลฮาจีแจ้งกับเจ้าหน้าที่ไนจีเรียและสหรัฐให้ระวังว่า ลูกชายตนอาจจะร่วมก่อการร้าย เพราะช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา แสดงความคิดทางศาสนาสุดขั้ว และรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่แต่ก่อนเป็นนักศึกษาที่เรียนดี เคยเรียนวิศวกรรมเครื่องกลที่มหาวิทยาลัยในกรุงลอนดอน แต่ความคิดเริ่มเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนตั้งแต่ไปศึกษาที่ประเทศโตโก ซึ่งหลังการให้ข้อมูล เจ้าหน้าที่สหรัฐขึ้นบัญชีนายมูตัลลับไว้แค่ระดับให้จับตา แต่ไม่ได้ห้ามโดยสารเครื่องบิน

นายอับดุล มูตัลลับ ให้การรับสารภาพว่า ฝึกฝนวิธีก่อการร้ายจากกลุ่มอัล ไคด้าในเยเมน

โดยใช้เข็มฉีดยาบรรจุผงเคมีแปะไว้ที่โคนขา ส่วนเชื้อปะทุมีส่วนประกอบของพีอีทีเอ็น วัตถุระเบิดร้ายแรง ซุกโดยเย็บไว้ในกางเกงใน ผ่านด่านตรวจจับของสนามบินไปได้ ด้านซีเอ็นเอ็น สัมภาษณ์เปิดตัวนายแจสเปอร์ ชูริงกา หนุ่มดัตช์ที่เป็นฮีโร่ของเหตุการณ์นี้ ระหว่างร่วมโดยสารเครื่องบินดังกล่าวซึ่งเดินทางจากไนจีเรีย แวะจอดที่กรุงอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์ แลนด์ และกำลังมุ่งหน้าปลายทางที่เมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน สหรัฐ

นายชูริงกา คนสร้างหนังจากอัมสเตอร์ดัม เล่าถึงนาทีระทึก ว่า ตนได้ยินเสียงเหมือนประทัด

มีควันลอยขึ้นมาจากตัวนายอับดุลมูตัลลับที่นั่งอยู่ไกลออกไป ตนตกใจ ไม่คิดอย่างอื่นนอกจากต้องปกป้องเครื่องบินลำนี้ จึงกระโจนข้ามเก้าอี้หลายตัวเข้าไปถึงตัวคนร้าย ค้นแล้วกระชากวัตถุที่ปล่อยควันออกมาจากตัวคนร้ายที่ซ่อนไว้ในกางเกงใน จังหวะนั้นของเหลวก็หยดลงพื้น มีประกายไฟลุกพรึ่บขึ้น ผู้โดยสารอื่นๆ ตกใจส่งเสียงหวีดร้อง ทำให้ลูกเรือวิ่งมาช่วย

หนุ่มฮีโร่เล่าต่อว่า ตนตะโกนร้องขอน้ำเพราะเผลอใช้มือดับไฟ จนเป็นแผล

ขณะที่ผู้โดยสารคนอื่นๆ ก็เข้ามาช่วยกันย่ำดับไฟ แต่ไฟแรงมากไม่ยอมดับ ตนนึกได้ว่าต้องเอาตัวคนร้ายให้พ้นจากไฟ เพราะถ้าเขายังมีวัตถุระเบิดในตัว จะยิ่งอันตรายมาก ลูกเรือก็เลยกันตัวออกไปที่ชั้นเฟิร์สคลาส จับถอดเสื้อผ้าให้แน่ใจว่าไม่มีอาวุธหรือระเบิดอีก ตอนนั้นนายอับดุลมูตัลลับดูเคลิบเคลิ้ม สายตาว่างเปล่า ทั้งๆ ที่คนทั้งเครื่องหวีดร้อง แต่คนร้ายไม่มีปฏิกิริยาใดๆ และไม่พูดอะไรเลย

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์