รถร่วมบี้หัวเด็กม.1ตายต่อหน้าพ่อแม่

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 10 ธ.ค. พ.ต.ท.บุนชัยฤทธิ์ สิทธิทองจันทร์ สวส.สน.สามเสน

รับแจ้งเหตุรถประจำทางชนเด็กเสียชีวิต บริเวณหน้าซอยวัดอัมพวัน ตรงข้ามโรงเรียนราชวัตรวิทยา ถนนนครไชยศรี แขวงนครไชยศรี เขตดุสิต รีบไปตรวจสอบพร้อมแพทย์ และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุกลางถนนพบศพ ด.ช.สุรเกียรติ เดชดวง อายุ 13 ปี นักเรียน ม.1 โรงเรียนราชวินิตมัธยม ย่านนางเลิ้ง สวมเสื้อยืดคอปกสีน้ำเงินขาว กางเกงขาสั้นลายดอกไม้ ถูกล้อรถทับบริเวณศีรษะกระโหลกแตกสมองไหล  โดยมีนายสมเกียรติ เดชดวง อายุ 39 ปี พ่อผู้ตายร่ำไห้อยู่ข้างศพเป็นที่น่าเวทนาอย่างยิ่ง  ใกล้กันมีจยย.สีชมพูคาดขาว ทะเบียน ลษษ 289 กท. ของผู้ตายพลิกคว่ำอยู่ ห่างออกไปเล็กน้อยพบรถประจำทางร่วมบริการ สีครีมคาดขาว ไม่ทราบยี่ห้อ สาย 14 วิ่งระหว่าง โรงเรียนนนทรีวิทยา - ศรีย่าน  ทะเบียน 11-6608 กท. หมายเลขข้างรถ 14-19 จอดอยู่ มีนายพรสวรรค์ โสดา อายุ 44 ปี คนขับรถยืนรอมอบตัวอยู่


จากการสอบถามนายสมเกียรติให้การทั้งน้ำตาว่า ก่อนเกิดเหตุตนกับภรรยา และลูกชาย 2 คน พากันขี่จยย.ออกไปกินก๋วยเตี๋ยวใกล้ๆกับที่เกิดเหตุ

ผู้ตายนั่งซ้อนท้ายจยย.คันดังกล่าว โดยมีนายสุรเชษฐ์ เดชดวง อายุ 18 ปี พี่ชายเป็นคนขับ  ส่วนตนขี่จยย.อีกคันมาพร้อมกับภรรยา หลังกินเสร็จลูกชายตนขี่รถออกมาก่อน โดยตนขับตามมาห่าง ๆ มาถึงจุดเกิดเหตุ ตนเห็นว่ารถคู่กรณีเบียดจนรถจยย.ลูกตนล้มคว่ำ ผู้ตายกระเด็นเข้าไปใต้ท้องรถ ก่อนจะถูกล้อหลังข้างซ้ายทับเข้าที่ศีรษะจนเสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตา ภรรยาตนเห็นเหตุการณ์ถึงกับช็อกหมดสติต้องรีบพาตัวส่งรพ.ใกล้เคียง ส่วนพี่ชายโชคดีไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด


ด้านนายพรสวรรค์ ให้การว่า ขับรถรับผู้โดยสารมาจากอนุสาวรีย์ชัยฯตามเส้นทางเพื่อจะกลับเข้าอู่แถวศรีย่าน

มาถึงใกล้จุดเกิดเหตุเป็นป้ายรถเมล์ก็จอดรถรับ-ส่งผู้โดยสารตามปกติ แต่เมื่อเคลื่อนรถออกมาสักระยะ กระเป๋ารถเมล์เห็นรถจยย.ของผู้ตายขับตีคู่ขึ้นมาบริเวณด้านซ้ายตัวรถ ตนพยายามจะขับเว้นช่องให้แทรกผ่านไปได้ จู่ๆ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นได้ยินเสียงคล้าย จยย.ล้ม ตัดสินใจเหยียบเบรกลงมาดูก็พบว่าผู้ตายถูกรถทับเสียชีวิตไปแล้ว อย่างไรก็ตามยืนยันว่าไม่ได้ขับรถเร็ว จนทำให้เกิดเหตุน่าสลดขึ้น เพราะรถเพิ่งเคลื่อนออกมาจากป้ายเท่านั้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา ขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต คุมตัวดำเนินคดีต่อไป

 


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์