แหลมฉบังโวยถูกขู่-กรณีสารพิษ

เมื่อวันที่ 30 พ.ย. จากกรณีสารเคมีรั่วที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี จนชาวบ้านแหลมฉบังได้รับผลกระทบ และมีผู้เสียชีวิต

ทางเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก พร้อมด้วยชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบได้เดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ที่กระทรวงคมนาคม เพื่อให้ตั้งคณะกรรมการร่วมจากหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มาช่วยตรวจสอบท่าเรืออื่นๆ และปฏิรูปบริการจัดการท่าเทียบเรือให้เกิดประสิทธิภาพ ป้องกันปัญหาซ้ำซาก ดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่ทำผิดกฎหมาย ชดเชยค่าเสียหายให้เหมาะสม และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง รวมถึงกำหนดมาตรการที่ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม

นอกจากนั้น ยังเข้าร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

เนื่องจากมีผู้บริหารท้องถิ่นมีพฤติกรรมคุกคามและข่มขู่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ และยังมีโทรศัพท์ลึกลับข่มขู่ชาวบ้านไม่ให้ไปร้องเรียนและเปิดเผยข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชน ถ้าหากมีใครไปร้องเรียนก็ให้เตรียมตัวเอาไว้ ซึ่งการกระทำอย่างนี้เป็นการกระทำที่หมายเอาชีวิต

น.ส.ชิตชิรา กฤษณะภูติ มารดาของ ด.ญ.ปภาวรินทร์ กฤษณะภูติ อายุ 6 ขวบ กล่าวว่า ขณะนี้ลูกสาวได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลอย่างแน่นอน
เพราะในวันเกิดเหตุลูกสาวได้กลิ่นก็เกิดอาเจียน ไอ แสบตา เบื้องต้นคิดว่าไม่ได้รับผลกระทบ แต่อาการไม่ดีขึ้น จึงพาลูกไปโรงพยาบาลอ่าวอุดม โดยโรงพยาบาลแจ้งว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นยังมีไข้ขึ้นสูง, อาเจียน และเวียนศีรษะ รับประทานข้าวไม่ได้ จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา เมื่อแพทย์เจาะเลือดไปตรวจพิสูจน์พบเลือดติดเชื้อ, ได้รับสารเคมีบางชนิดเข้าสู่ร่างกาย, มีเม็ดเลือดแดงไหลออกมาจากปัสสาวะ ที่สำคัญพบว่าเม็ดเลือดขาวสูงมากผิดปกติ ขณะนี้ทางครอบครัวหวั่นวิตกเป็นอย่างมากต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังไม่มีหน่วยงานใดออกมารับผิดชอบอย่างจริงจัง ในเรื่องค่ารักษาพยาบาล

ด้านน.ส.ปิยวรรณ คำภาลา อายุ 23 ปี อาชีพรับจ้างและเช่าบ้านพักอยู่ในชุมชนแหลมฉบังเก่า กล่าวว่า ได้รับสารเคมีรั่วไหลในวันดังกล่าว

และก็มีปัญหาต่อร่างกายคือ เวียนศีรษะ, ปวดศีรษะ, อาเจียน โดยไม่สามารถทำงานได้หลายวัน แต่ตนไม่ได้เป็นคนหมู่บ้านแหลมฉบัง ทางเทศบาลได้ออกมาชี้แจงว่า จะไม่มีส่วนได้รับการช่วยเหลือแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นประชากรแฝง ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากเป็นคนไทยเหมือนกัน โดยไม่ควรจะแยกว่าเป็นฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ ซึ่งในเรื่องนี้ก็ต้องวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลกัน

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์