ระทึกคาร์บอมบ์ มุ่งฆ่านายกฯ รวบรท.คนสนิท ´พัลลภ´

ความขัดแย้งเข้าขั้น...


ในขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองยังไม่นิ่ง ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายต่อต้านและสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กำลังร้อนระอุยังหาข้อยุติไม่ได้ กลับเกิดเหตุลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ โดยมีการใช้ รถยนต์ขนวัตถุระเบิดป้วนเปี้ยนบ้านนายกรัฐมนตรี แต่โชคดีที่ตำรวจสามารถสกัดจับกุมได้ หวิดก่อเกิดโศกนาฏกรรมช็อกประเทศ

ทีมอรินทราชพบรถต้องสงสัย

เหตุลอบวางระเบิดหมายถล่มนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 24 ส.ค. ขณะที่ จ.ส.ต. ภูวนาท นิ่มนวล และ ส.ต.ท.สุธิ เปลี่ยนขุนทด เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.บางพลัด กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณแยกบางพลัด ได้รับแจ้งจากวิทยุโรงพักให้ร่วมกับหน่วยอรินทราช 26 ที่อยู่ในชุดรักษาความปลอดภัยหน้าบ้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ช่วยตรวจสอบรถยนต์ต้องสงสัย ยี่ห้อแดวู รุ่นเอสเพอโร สีบรอนซ์เงิน

ทะเบียน ฐฉ 3085 กรุงเทพมหานคร ที่อยู่บริเวณใต้สะพานข้ามแยกบางพลัด ถนนราชวิถี มุ่งหน้าสะพานกรุงธน (ซังฮี้) แขวงและเขตบางพลัด กทม. หลังจากขับรถวนเวียนเข้าไปในซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 ผ่านหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้าของ พ.ต.ท.ทักษิณหลายรอบจนเป็นที่ผิดสังเกต

ล็อกตัวร้อยโททหารขนระเบิด

เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวขอดูบัตรชายคนขับที่สวมชุดซาฟารีสีน้ำเงิน สวมหมวกและใส่แว่นดำ ทำเอาเจ้าตัวออกอาการสั่นเตรียมจะขับรถหนี ทีม อรินทราชคุ้มกันนายกรัฐมนตรีเลยให้ลงจากรถไปเปิดกระโปรงท้ายพบถุงปุ๋ยใส่กระสอบทรายนับสิบถุง แกลลอนน้ำมันเครื่องขนาด 5 ลิตร ที่อัดด้วยปุ๋ยแอมโมเนียไนเตรตหรือปุ๋ยยูเรียผสมน้ำมันดีเซล 13 แกลลอน

มีแท่งสีเขียวคล้ายระเบิดต่อชนวนสายไฟระโยงระยางเต็มไปหมด เป็นเหตุให้ทุกคนรีบผละถอยมาจากตัวรถพร้อมล็อกตัวคนขับเอาไว้ ทราบภายหลังเป็นนายทหารชื่อ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ สังกัดกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) อดีตคนขับรถ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี รอง ผอ.กอ. รมน. นำตัวสอบปากคำเบื้องต้นที่ศูนย์สืบสวน บช.น.

ปิดถนนกู้คาร์บอมบ์ระทึก

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้รีบประสาน ร.ต.อ.ประจำ หนุนนารถ พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.บางพลัด รุดมาร่วมตรวจสอบรถต้องสงสัย พร้อมด้วย พล.ต.ต.จรัมพร สุระมณี พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ ผบก.ตปพ. พล.ต.ต.บุญส่ง พาณิชอัตรา ผบก. น.7 พ.ต.อ.สนั่น อิ่มใจ รอง ผบก.น.7 พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบก.หน.ศส.บช.น. พ.ต.อ.บุญเพ็ญ มั่งคั่ง ผกก.สน.บางพลัด ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.7

และเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.ตปพ. โดยปิดกั้นการจราจรตั้งแต่สะพานกรุงธนถึงแยกบางพลัด สะพานข้ามแยกบางพลัดยาวถึงถนนสิรินธรและกันผู้ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้าในพื้นที่อันตรายอย่างเด็ดขาด เพื่อเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้ใช้สมาธิในการตรวจสอบวัตถุระเบิดที่พบในรถเก๋งต้องสงสัยของทหารหนุ่มใหญ่นายนี้

ใช้ปืนยิงทำลายวงจรจุดชนวน

หลังทราบแน่ชัดว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องแบบทีเอ็นที และซีโฟร์อัดท้ายกระโปรงต่อวงจรเข้ากับขั้วแบตเตอรี่ มีปุ๋ยยูเรียเพิ่มอานุภาพของแรงระเบิด เจ้าหน้าที่ จึงเริ่มปฏิบัติการเอาเครื่องยิงแรงดันน้ำสูงทำลายฝักแควงจรจุดชนวนรีโมตคอนโทรลที่ซุกไว้ใต้เบาะคนขับ กระทั่งมั่นใจว่าปลอดภัยถึงเข้าเคลียร์พื้นที่แล้วรีบนำวัตถุระเบิดของกลางทั้งหมดใส่รถของกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์

วัตถุระเบิด บก.ตปพ. จำนวน 3 คันไปตรวจหาความชัดเจนที่ต้นสังกัดพร้อมลากรถคันดังกล่าวเข้าตรวจสอบหาที่มาที่ไปของรถด้วยเช่นกัน ก่อนเปิดการจราจรตามปกติ ท่าม กลางความโล่งออกของบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ สื่อมวลชน และชาวบ้านที่ยืนมุงดูนาทีกู้วิกฤติการณ์คาร์บอมบ์กลางกรุงอยู่ห่างๆ นับร้อยชีวิต


ชุด รปภ.เผยได้ข่าว 2 เดือนแล้ว


ทีมอรินทราชที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าบ้านนายกรัฐมนตรีนายหนึ่งเปิดเผยว่า มีรายงานจากหน่วยข่าวกรองก่อนหน้านี้ราว 2 เดือน ให้ช่วยสอด ส่องดูรถต้องสงสัยคันดังกล่าวที่วนเวียนเข้า-ออกซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 ใกล้บ้าน พ.ต.ท.ทักษิณบ่อยครั้งแล้วหายไป เพิ่งสังเกตเมื่อตอนเช้าเห็นรถคันดังกล่าวโผล่แล่นผ่านหน้าบ้าน พ.ต.ท.ทักษิณ วนไปมาราว 2 รอบจึงตรวจสอบหมายเลขทะเบียนไปยังกรมการขนส่งทางบก

พบเป็นเลขทะเบียนปลอมเลยตัดสินใจขี่รถจักรยานยนต์ ตามประกบไล่ออกปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 แล้ววกกลับรถมาตามถนนจรัญสนิทวงศ์เลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชวิถีไปจอดติดการจราจรตรงจุดเกิดเหตุจึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางพลัด ร่วมสมทบ ก่อนเข้าตรวจค้นถึงทราบว่าเป็นรถบรรทุกวัตถุระเบิด

ผบช.น.ระบุรัศมีทำลาย 1 กม.

ต่อมา พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. พล.ต.ต. กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รอง ผบช.น. เดินทางไปที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด ถนนเศรษฐศิริ เขตดุสิต เรียกประชุมหารือกับ พ.ต.อ.โกศล งามประมวล ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด พ.ต.ท.กำธร อุ่ยเจริญ สว.ในเรื่องพยานหลักฐานและประสิทธิภาพของระเบิดแสวงเครื่องที่พบในรถนายทหารสังกัด กอ.รมน. ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง พล.ต.ท.วิโรจน์แถลงข่าวสรุปเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นว่า

วัตถุระเบิดเป็นชนิดทีเอ็นทีหนักรวม 10.73 ปอนด์ และซีโฟร์น้ำหนัก 3.5 ปอนด์ แอมโมเนียไนเตรตผสมกับน้ำมันดีเซลบรรจุอยู่ในแกลลอนน้ำมันเครื่องขนาด 5 ลิตร ทั้งหมด 13 แกลลอน น้ำหนักรวม 67.57 กิโลกรัม ทรายที่ใช้บังคับทิศทางการระเบิด แผงวงจรจุดระเบิด สายฝักแคจุดระเบิดยาว 12.22 เมตร สายปะทุเชื้อระเบิดชนิดเอ็ม 8 แก๊ปจำนวน 2 ชุด เชื้อปะทุ ชนวน 4 ดอก

โดยแรงระเบิดมีรัศมีการทำลายประมาณ 1 กิโลเมตร จุดชนวนด้วยรีโมตคอนโทรลบังคับระเบิดด้วยทราย เพื่อให้รัศมีการทำลายพุ่งทางด้านท้ายและด้านข้างที่จะมีรถผ่าน ต่อสายไฟฟ้าด้วยระบบที่เรียกว่าเอ็ม 8 ที่ใช้ในราชการทหารเชื่อมกับสายฝักแคเสียบอยู่ ระเบิดทั้ง 2 ชนิดที่มัดเป็นชุด ทั้งหมด 5 ชุด จะทำให้เกิดการระเบิดอย่างต่อเนื่อง

เช็กรถหาเบื้องหน้าเบื้องหลัง

พล.ต.ท.วิโรจน์กล่าวต่อว่า รถยนต์คันที่บรรทุกระเบิดพบนำแผ่นป้ายทะเบียนของรถยนต์ยี่ห้อฮุนได รุ่นเอ็กเซล เคยจดทะเบียนในชื่อของนางรำไพ ทวีทรัพย์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 10 ต.บึงสามพัน อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ ได้แจ้งยกเลิกเพื่อนำไปขอจดทะเบียนใหม่กับกรมการขนส่งทางบกแล้ว ทำให้นางรำไพต้องคืนป้ายทะเบียน ฐฉ 3085 กรุงเทพมหานคร

ให้กับกรมการขนส่งทางบก และกรมการขนส่งต้องเก็บไว้ และทำเครื่องหมายปลายขลิบไว้ที่ทะเบียน ขณะนี้สั่งการให้ พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต. เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. เข้าตรวจสอบรายละเอียดของรถทั้งสองคันหาความสัมพันธ์และที่มาที่ไปอย่างไร

ชี้ระเบิดชนิดเดียวกับโจรป่วนใต้

ผบช.น.ยังกล่าวต่อถึงอานุภาพทำลายล้างด้วยว่าเป็นชนิดเดียวกับกลุ่มคนร้ายใช้วางระเบิดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รัศมีการทำลายไม่น้อยกว่า 1 กิโลเมตร สิ่งปลูกสร้างรอบๆ บริเวณนั้นจะได้รับความเสียหายทั้งหมดประมาณ 30-40 เมตร สะพานจะพังเสียหาย ส่วนรายละเอียดเรื่องตัวบุคคลผู้ต้องสงสัยต้องใช้เวลาในการตรวจสอบให้ชัดเจนมากกว่านี้ คงคาดเดาอะไรไม่ได้

แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าเส้นทางนั้นคือเส้นทางของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ต้องผ่านทุกวัน รถคันนี้เคยวิ่งวนเวียนอยู่บริเวณซอย บ้านนายกฯ และมีการเฝ้าติดตามด้วย สำหรับการจุดระเบิดนั้น คนจุดชนวนต้องอยู่ห่างจากรถไม่เกิน 100 เมตรเมื่อไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์จึงพยายามย้ายจุด เป็นเหตุให้เกิดความสงสัย ส่วนจะลอบวางระเบิดขบวนรถนายกรัฐมนตรีหรือไม่ก็มีความเป็นไปได้ เพราะต้องใช้เส้นทางดังกล่าว สำหรับการรักษาความปลอดภัยนั้นต้องตรวจสอบรถต้องสงสัยให้เข้มงวดมากขึ้น เพราะเป็นอันตรายต่อผู้นำประเทศ ต่อประเทศชาติ


บิ๊กตำรวจรุดเค้น ร.ท.คาร์บอมบ์


สำหรับการสอบปากคำ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ อายุ 43 ปี โชเฟอร์ขับรถขนระเบิด พล.ต.ต.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบก.ประจำ ตร. ได้นำตัวไปสอบสวนปากคำต่อที่กองปราบปราม โดยมี พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ผอ. สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ และคณะนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ อาทิ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผบช.ก. พล.ต.ท.ถาวร จันทร์ยิ้ม ผบช.ส. พล.ต.ต. อัศวิน ขวัญเมือง รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา

ผบก.ท่าอากาศยานแห่งชาติ (ทอช.) สตม. พล.ต.ต.อรรกฤษ ธารีฉัตร ผบก.ส.3 บช.ส. หัวหน้าชุด รปภ.นายกรัฐมนตรี ทยอยกันเดินทางไปร่วมรับฟังการสอบสวนใช้เวลานานนับชั่วโมง ก่อนที่ พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผบช.ก. จะออกมาแถลงว่า ผบ.ตร.มอบหมายให้ บช.ก.และกองปราบปรามเป็นหน่วยงานรับผิดชอบสอบสวนคดีที่เกิดขึ้นด้วยความละเอียดรอบคอบ

แจ้งข้อหาหนักแต่ยังปฏิเสธ

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีกับ ร.ท. ธวัชชัย ในข้อหาห้ามมิให้ผู้ใดทำ ซื้อ มี ใช้ สั่ง นำเข้า ค้า หรือจำหน่ายวัตถุระเบิดด้วยประการใดๆ ซึ่งวัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 38 พ.ร.บ.วัตถุระเบิด ระวางโทษจำคุก 20 ปีถึงตลอดชีวิต แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียด อ้างว่าไม่รู้เห็นใดๆทั้งสิ้น ส่วนจะเป็นแผนการลอบทำร้ายนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะต้องรอทำการสอบสวนผู้ต้องหาก่อน

ชั้นนี้สรุปเพียงว่า มีการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางวัตถุระเบิดภายในรถ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะส่งของกลางให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบว่าเป็นระเบิดชนิดใด มีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน รวมทั้งจะสอบสวนต่อไปว่าระเบิดมีที่มาจากแหล่งไหน พล.ต.ท.มนตรีกล่าว

อ้างรับจ้างขับรถแค่ 300 บาท

มีรายงานว่า บรรยากาศในห้องสอบสวนเป็นไปอย่างเคร่งเครียด เนื่องจาก ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ทหารคนสนิท พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ไม่ยอมให้ความร่วมมือ ให้การเฉไฉออกนอกเรื่องตลอดเวลา อ้างว่ามีนายจุ้ย เพื่อนที่รู้จักกันมานานแถวพัทยา จ.ชลบุรี จ้างให้ขับรถมาในราคา 300 บาท ไม่ทราบว่ามีระเบิดอยู่หลังรถเพื่อนำไปจอดไว้ที่ย่านสวนอ้อย ตนก็รับเพราะเห็นว่าเป็นเรื่อง เล็กน้อย แต่พอจะเปิดประตูก็ถูกจับกุม ส่วนเรื่องทั้งหมดขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาเพิ่มเติมพบมีชื่อเล่น แป๊ะ เป็นชาวราชบุรี เข้ารับราชการทหารที่กรมการสัตว์ทหารบก จ.นครปฐม แล้วไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ทำหน้าที่พลขับของ พล.อ.พัลลภ สมัยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กระทั่ง พล.อ.พัลลภเสนอขอยศนายทหารสัญญาบัตรให้

พาค้นบ้านพักควานหาหลักฐาน

บ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ต.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบก. ประจำ ตร. นำชุดคอมมานโดของกองปราบปรามกว่า 50 นาย คุมตัวนายทหารสังกัด กอ.รมน.ไปตรวจค้นบ้านพักที่อยู่ในกองพันทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ถนนพหลโยธิน เขตบางเขน กทม. ยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง และแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์คาดว่าเป็นทะเบียนปลอม จำนวน 2 แผ่น สมุดไดอารี่

และเอกสารจำนวนหนึ่งไปตรวจสอบก่อนจะนำตัว ร.ท.ธวัชชัยกลับมาสอบสวนต่อที่กองปราบปราม มีกำลังอีกชุดนำโดย พ.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ผกก.ฝอ.ป. พ.ต.ท.อัครเดช พิมลศรี รอง ผกก. ปพ.บก.ป. ตรวจค้นบ้านเลขที่ 990/397 หมู่ 6 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี และตามยึดรถเก๋งนิสสัน ซันนี่ สีบรอนซ์ ทะเบียนตรากงจักร 61480 ของ ร.ท.ธวัชชัยที่จอดอยู่ลานจอดรถอาคารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในสวนรื่นฤดีไปตรวจสอบด้วย


เรียกสอบ บอดี้การ์ด นายกฯ


พนักงานสอบสวนกองปราบปรามยังได้ทำแผนที่จุดที่เกิดเหตุ แผนผังโดยรอบที่เกิดเหตุ รวมทั้งประสานขอเทปจากกล้องวิดีโอวงจรปิด (ซีซีทีวี) บริเวณรอบบ้านจันทร์ส่องหล้ามาประกอบสำนวนและเรียกตัวนายตำรวจและทหารชุดจับกุมผู้ต้องหาไปสอบปากคำ ประกอบด้วย ร.ต.อ.สุทัศน์ ไชยพรหม ผบ.มว.5 กก. 2 บก.ตปพ. หรือทีมอรินทราช 26

ที่ดูแลรักษาความปลอดภัยหน้าบ้านหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ด.ต.เกรียงเดช ม่วงมงคล และ จ.ส.ต.บุญสม ดำจริง ผบ.ม.5 กก. 2 ตปพ. ช่วยราชการ ผบ.หมู่ ป. สน.บางพลัด ร.ท.ยงยุทธ ธัญญาภิรัตน์ จ.อ.ชาตรี ควรคำนึง จ.อ.อาคเนย์ แพรเขียว และ จ.ท.สุรพงษ์ สง-จันทร์ ซึ่งทำหน้าที่นายทหารติดตามนายกรัฐมนตรี

วงจรปิดจับภาพชัด

ทั้งหมดให้การสอดคล้องกันว่า ขณะกำลังตรวจสอบเส้นทางการเดินทางของนายกรัฐมนตรีได้รับแจ้งจากผู้บังคับบัญชาให้เข้าตรวจสอบรถต้องสงสัยที่อยู่ใต้สะพานข้ามแยกบางพลัด ก่อนเข้าไปแสดงตัวขอตรวจค้นพบของกลางเป็นวัตถุระเบิดจำนวนมากจึงแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ อีกทั้งก่อนหน้านี้ได้ตรวจพบรถต้องสงสัยยี่ห้อและสีเดียวกับรถของกลางมาวนเวียนบริเวณถนนที่ใช้เป็นเส้นทางไปกลับของขบวนนายกรัฐมนตรี ประมาณ 8 ครั้ง กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้ พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐานวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

สงสัยมีรถอีกคันร่วมวางแผน

นอกจากนี้ทีมอารักขาผู้นำประเทศให้ข้อมูลไว้ ด้วยว่า ช่วงเช้าก่อนพบรถคันที่นำมาใช้เป็นคาร์บอมบ์ ได้สังเกตมีรถยี่ห้อและสีเดียวกันจอดเสียเปิดกระโปรงหน้ารถอยู่บนสะพานข้ามแยกบางพลัด ทำให้การจราจรบนสะพานติดขัด ขบวนรถของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงจำเป็นต้องเลี่ยงใช้เส้นทางถนนด้านล่างใต้สะพานที่เป็นจุดรถบรรทุกระเบิดจอดอยู่พอดี แต่ไม่มีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น เข้าใจว่าอาจเกิดปัญหาการจุดชนวนระเบิดของรีโมตคอนโทรล

และหลังจากที่ขบวนรถของนายกรัฐมนตรีผ่านไปแล้ว รถที่จอดเสียบนสะพานข้ามแยกก็หายไร้ ร่องรอย เจ้าหน้าที่เชื่อว่ารถทั้งสองคันอาจมีส่วนเกี่ยวข้องและวางแผนสังหารผู้นำอยู่ด้วยกัน พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผบช.ก. จึงกำชับให้ชุดสืบสวนกองปราบปรามเร่งคลี่คลายปมต้องสงสัยดังกล่าวให้กระจ่างมากที่สุด

ทักษิณ หน้าเครียดเจอเรื่องยุ่ง

ส่วนความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นั้น เมื่อเวลา 08.20 น. พ.ต.ท.ทักษิณได้เดินทางเข้าไปทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ โดยเรียกรัฐมนตรีและหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง มาหารือแนวทางแก้ปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดภาคเหนือ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ต่อมาเวลา 10.00 น. ได้เป็นประธานประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านต่างประเทศในระดับชาติ ครั้งที่ 1/2549 ที่ตึกสันติไมตรี โดย พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งมีสีหน้าเคร่งเครียด ได้กล่าวเปิดการประชุมว่า บังเอิญการเมืองมันยุ่ง เมื่อเช้าวันนี้ก็มีเรื่องยุ่งอีก

ดังนั้น ยุทธ-ศาสตร์ด้านต่างประเทศจึงยังไม่เสร็จ คิดว่าการเมืองที่คุยกันรู้เรื่องทุกฝ่ายคงจะเหลืออีกไม่กี่รอบ แต่รอบหน้าจะมีอีกหรือเปล่าไม่รู้ เพราะการเมืองไทยไม่มั่นคง แต่เราต้องทำให้ประเทศไทยเข้มแข็ง ต้องวางยุทธศาสตร์ ดังกล่าวให้สำเร็จ หลังการประชุมดำเนินไปได้ประมาณ 40 นาที น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เดินลงมาจากตึกไทยคู่ฟ้ากับ พล.ท.ปรีชา วรรณรัตน์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งหอบแฟ้มเอกสารมาด้วย ตรงดิ่งไปหา พ.ต.ท.ทักษิณเพื่อให้เซ็นเอกสารในแฟ้มดังกล่าว ก่อนเดินกลับออกจากห้องประชุมภายในไม่กี่นาทีต่อมา


ปลดฟ้าผ่า พัลลภ พ้นหน้าที่


กระทั่งเวลา 12.35 น. หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านต่างประเทศในระดับชาติ พ.ต.ท.ทักษิณตอบข้อถามผู้สื่อข่าวถึงกระแสข่าวมีคำสั่ง ปลด พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ออกจากตำแหน่งรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ว่า ผมเซ็นไปแล้ว เมื่อกี้นี้ ผู้สื่อข่าวถามว่าเกี่ยวข้องกับเหตุจับกุมคนร้ายพร้อมรถบรรทุกระเบิดที่สะพานข้ามแยกบางพลัดหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า ไม่ทราบ

การสอบสวนยังไม่เสร็จ แต่ความจริงแล้วเดิมที กอ.รมน.ไม่มีฝ่ายการเมืองเข้าไปอยู่ และตอนหลังตนไม่มีเวลา จึงได้ แต่งตั้งคนในฝ่ายการเมืองเข้าไปทำงานด้วย ให้ไปเป็นรอง ผอ.กอ.รมน.หนึ่งคน แต่ในที่สุดคิดว่าให้ฝ่ายประจำทำงานดีกว่า เมื่อถามว่าเครียดหรือกังวลหรือไม่ที่มีเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า เรื่องนี้มีการข่าวแจ้งมาก่อนแล้วว่ามีความพยายามจะทำ และเราพยายามจับกุมมาหลายครั้ง เมื่อถามว่าเบื้องต้นทราบหรือไม่เป็นกลุ่มไหน เกี่ยวกับการเมืองหรือเป็นเรื่องส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า ทราบ แต่เรื่องนี้คงเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ยังไม่สามารถสรุปอะไรได้

แคล้วคลาดเพราะออกจากบ้านเร็ว

ต่อข้อถามว่าจะมีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า มาตรการ รักษาความปลอดภัยคือ ฝ่ายรักษาความปลอดภัยอยากให้ผมระมัดระวังมากขึ้น แต่คงไม่มีการเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัย เพราะกำลังตอนนี้เพียงพอแล้ว เพียงแต่ผมต้องระมัดระวัง ถ้าจำได้เช้านี้มีการประชุมน้ำท่วมตอน 08.30 น. จากเดิมที่ไม่มีตาราง ผมเลยออกจากบ้านเร็วกว่าปกติ เพราะปกติผมจะออกจากบ้านช้ากว่านี้ เนื่องจากจะเริ่มประชุมที่เวลา 09.30 น. แต่พอวันนี้มีประชุม 10.00 น. ผมก็เลยขอเพิ่มวาระการประชุมเวลาขึ้นมา 08.30 น. คือเรื่องน้ำท่วม ทำให้ผมออกจากบ้านเร็วขึ้น

คุยรู้เบาะแสล่วงหน้า 2 สัปดาห์

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนตารางเวลาการทำงานหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า คงต้องขออภัยสื่อด้วย เพราะเรื่องกำหนดเวลาของตนอาจจะมีเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาบ้าง เมื่อถามว่างานข้างนอกทำเนียบรัฐบาลจะไปอยู่หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า อะไรที่จำเป็นก็ไป อะไรที่มีตัวแทนได้ก็ให้ตัวแทนก่อน จนกว่าการสืบสวนเรื่องระเบิดจะเสร็จสิ้น เมื่อถามว่าทราบข่าวนี้มานานหรือยัง นายกฯตอบว่า ถ้าจำได้เมื่อตอนที่ตนขึ้น-ลงเครื่องบินที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 สองครั้งในช่วงหลังที่มีอุบัติเหตุรถนำขบวนชนกัน แต่เหตุรถชนไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ทราบเบาะแสมา ถ้าจำได้ประมาณ 2 สัปดาห์แล้ว

ลั่นเกิดหนเดียวตายหนเดียว

เมื่อถามอีกว่าจุดประสงค์เรื่องระเบิดมุ่งเอาชีวิตนายกฯใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า ต้องให้ฝ่ายสืบสวนแถลงเอง เมื่อถามย้ำว่าวิตกหรือไม่ที่มีการมุ่งมาที่ตัวนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า มนุษย์เกิดมาหนเดียวตายหนเดียว เมื่อถามว่าสาเหตุอะไรคือจุดใหญ่ที่ต้องมีการมุ่งปองร้าย พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า ไม่ทราบ เมื่อถามอีกว่าห่วงครอบครัวหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณตอบด้วยสีหน้าเป็นปกติว่า ทุกคนก็ต้องระมัดระวัง เมื่อถามว่ามองเป็นเรื่องการเมืองได้หรือไม่

เพราะการเมืองกำลังมีปัญหา พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า ไม่สรุป เพราะไม่ได้เป็นคนสอบสวน แต่ได้รับรายงานข่าวกรองและรายงานเหตุการณ์มาเมื่อเช้าบ้าง แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องให้สอบสวนออกมาก่อน เมื่อถามว่าข่าวปลด พล.อ. พัลลภมีมาก่อนหรือว่าได้รับเรื่องด่วนมาวันนี้หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณถอนหายใจก่อนปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่า ไป จากนั้นตำรวจรักษาความปลอดภัยนายกฯจึงกันผู้สื่อข่าวออกอย่างแข็งขันทันที


เรียกทหาร-ตำรวจหารือด่วน


ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ได้มีรัฐมนตรีหลายคนทยอยเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณตามลำดับ รวมทั้ง พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสันติบาล กระทั่งเวลา 15.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณได้หารือกับ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม พล.อ.อ.ชลิต พุก-ผาสุข ผบ.ทอ. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. และ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

ระหว่างการหารือ พ.ต.ท.ทักษิณได้เล่าให้หัวหน้าหน่วยความมั่นคงฟังว่า ปกติแล้วจะเดินทางออกจากบ้านมาทำงานที่ทำเนียบในเวลา 09.30 น. แต่บังเอิญว่าวันนี้ต้องมาประชุมน้ำท่วมในเวลา 08.30 น. จึงโชคดีที่ออกจากบ้านเร็วกว่าปกติ อย่างไรก็ตามทราบว่าแผนการใช้รถบรรทุกระเบิดดังกล่าวมีการเตรียมการกันมา โดยนำรถไปจอดภายในซอยบ้านตนรอให้รถขบวนผ่านมา และมีการนำทรายมากั้นไว้อีกด้าน เพื่อบังคับให้แรงระเบิดออกมาในด้านที่รถของตนผ่านมาพอดี

ระบุใช้ระเบิดร้ายแรงกว่าในอิรัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการหารือระหว่าง พ.ต.ท. ทักษิณกับ รมว.กลาโหม และบรรดา ผบ.เหล่าทัพนั้น นายกฯได้เล่าถึงรายละเอียดทั้งหมดของการจับกุม ร.ท. ธวัชชัย โดยระบุว่าวันนี้โชคดีมากๆ ที่ออกจากบ้านเช้ากว่าปกติ เพราะได้เรียกประชุมแก้ไขปัญหาน้ำท่วมภาคเหนือเอาไว้ ทั้งที่ความจริงไม่ได้คิดที่จะเรียกประชุมมาก่อนเลย เพิ่งมาตัดสินใจเมื่อช่วงค่ำวันที่ 23 ส.ค. เรื่องนี้ ถือว่าเหลือเชื่อมาก เพราะวัตถุระเบิดมีทั้งแอมโมเนียไนเตรตกับน้ำมัน หนัก 67 กก. ทีเอ็นที 10.7 ปอนด์ ซีโฟร์ 3.5 ปอนด์

เชื้อปะทุ 6 ดอก ฝักแคต่อเข้ากับวงจรรีโมต ยาว 12 เมตร กระสอบทรายอีก 7 ถุง ระเบิดจะมีรัศมีการทำลายถึง 1 ตารางกิโลเมตร ถ้าระเบิดขึ้นจริงๆ ทั้งสะพานและตึกแถวในบริเวณนั้นพังแน่นอน เพราะระเบิดซีโฟร์ขนาด 3.5 ปอนด์ ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าขนาดในอิรัก ยังไม่มีการใช้ระเบิดใหญ่ถึงขนาดนี้เลย นอกจากรถแดวูคันที่บรรทุกระเบิดแล้ว ยังมีรถยี่ห้อแดวูอีกคันหนึ่งด้วย ที่ไปจอดรออยู่ตรงสะพานเพื่อปิดทางไม่ให้รถของตนวิ่งขึ้นสะพานลอย

เป็นการบังคับให้ขบวนรถของตนต้องวิ่งไปตามเส้นทางที่เขาวางเป้าหมายไว้ แต่รถคันที่สองนี้ยังไม่สามารถจับกุมได้ ดังนั้น ขอให้ทุกฝ่ายไปสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายผลให้ได้ เพราะพวกนี้ไม่ได้ทำคนเดียวแน่ แต่ทำกันเป็นกลุ่ม โดย ร.ท.ธวัชชัยนั้นเป็น 1 ใน 4-5 แบล็กลิสต์ของข่าวกรองอยู่แล้ว และเป็นคนขับรถของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี

ครวญ ทำกันถึงขนาดนี้เลยหรือ

ทั้งนี้ พล.อ.ธรรมรักษ์ได้เป็นตัวแทน ผบ.เหล่าทัพกล่าวกับนายกฯ ว่า ผบ.เหล่าทัพก็มาให้กำลังใจท่านนายกฯ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณได้กล่าวต่อว่า รถแดวูคันดังกล่าวทาง รปภ.เคยเจอมา 2 ครั้งแล้ว ครั้งนี้เจอเป็นครั้งที่ 3 ถือว่า รปภ.ตาไวมากที่มองเห็นว่ามาจอดไว้ จึงแจ้งวิทยุสื่อสารให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดู เพียงแค่นี้ทำกันได้ ถึงขนาดนี้เลยหรือ ไม่คำนึงถึงบ้านเมือง ตนโดนก็เหมือนๆ กับสมัยในอดีต มีคนมาขับไล่ มีคนมาด่าทอ แล้วก็มีการลอบสังหาร ถือเป็นธรรมดาของคนเป็นนายกฯที่อยู่ นานๆ คนที่ทำมันก็คนกลุ่มหน้าเดิมๆ เหมือนที่เคยก่อการมาในอดีตสมัยหนึ่ง

ปรับแผนรักษาความปลอดภัยสูงสุด

สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณทำเนียบรัฐบาล พล.ท.ปรีชา วรรณรัตน์ รองเลขาธิการนายกฯ ในฐานะรับผิดชอบการรักษาความปลอดภัยภายในทำเนียบรัฐบาล ได้เรียกเจ้าหน้าที่กองรักษาความปลอดภัยและตำรวจสันติบาล มามอบหมายการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่รักษาความปลอดภัย โดยแบ่งออกเป็นพื้นที่ในลักษณะวงกลม 3 ชั้น คือชั้นนอก ชั้นกลางและชั้นใน โดยเฉพาะพื้นที่ชั้นใน คือตึกไทยคู่ฟ้า สถานที่ทำงานของนายกรัฐมนตรี

ให้ถือเป็นเขตหวงห้ามเด็ดขาด ห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นไปอย่างเด็ดขาด ทั้งได้กำชับให้เจ้า-หน้าที่ตำรวจ จัดเวรยามรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ประจำการตลอด 24 ชม. ด้วย เนื่องจากในการประเมินสถานการณ์ของนายกฯกับคนใกล้ชิด ระบุว่าเหตุการณ์ลอบทำร้ายนายกฯจะไม่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่จะเกิดขึ้นอีกหลายครั้ง เพราะเมื่อกลุ่ม ก่อการตั้งใจลงมือแล้วจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้ นายกฯจึงต้องงดกำหนดงาน และเพิ่มความเข้มในการรักษาความปลอดภัยเป็นระดับสูงสุด


เปิดปูมหลัง ธวัชชัย มีแบล็กลิสต์


รายงานข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคงแจ้งว่า หน่วยข่าวได้รายงานให้ พ.ต.ท.ทักษิณทราบว่า จากข่าวกรองที่ได้เฝ้าติดตามผู้ต้องสงสัยรายนี้ มีความเชื่อมโยงกับข่าวกรองเรื่องการลอบสังหารนายกรัฐมนตรี ที่มีมาก่อนหน้านี้ระยะหนึ่งแล้ว โดย ร.ท.ธวัชชัยถือเป็น 1 ใน 5 แบล็กลิสต์ของทหารที่มีพฤติกรรมที่ต้องเฝ้าจับตาเป็นพิเศษ โดยรถยนต์คันดังกล่าวทางหน่วยข่าวได้ส่งรูปถ่ายและหมายเลขทะเบียนรถมาให้กองบัญชาการตำรวจสันติบาล

และหน่วยรักษาความปลอดภัยนายกฯ ใช้เป็นข้อมูลคอยเฝ้าสังเกตและติดตามดูพฤติกรรมมาก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่มีการเปลี่ยนแปลงสีรถไปเท่านั้น นอกจากนี้ รถคันดังกล่าวยังเคยถูกนำไปจอดทิ้งไว้ที่ลานจอดรถของท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 (บน. 6) หลังจากเกิดอุบัติเหตุ รถนำขบวนของนายกฯชนกับรถยนต์ของทนาย ความเมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยจะเข้าไปจอดในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปขึ้นเครื่องบินไปปฏิบัติภารกิจในต่างจังหวัด

ซึ่งเจ้าหน้าที่พบว่าการนำรถคันดังกล่าว เข้าไปจอดทิ้งไว้จะมีการสับเปลี่ยนให้รถปิกอัพสีเขียวเข้าไปจอดแทนที่ เมื่อรถคันดังกล่าวเคลื่อนออกไปจากจุดที่จอดด้วย โดยที่รถคันนี้มีบัตรอนุญาตผ่านเข้า-ออก บน.6 ที่ออกโดยกองบัญชาการทหารอากาศอย่างถูกต้องตามระเบียบด้วย

พัลลภไม่ตื่นเต้นไม่ตกใจที่ถูกปลด

ส่วนความเคลื่อนไหวของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี รอง ผอ.กอ.รมน. หลังถูกคำสั่งปลดออกจากตำแหน่งรอง ผอ.กอ.รมน.นั้น ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) สวนรื่นฤดี เวลา 16.00น. วันเดียวกัน ได้มีผู้นำดอกไม้มาให้กำลังใจ พล.อ.พัลลภ กว่า 200คน หลังรับดอกไม้แล้ว พล.อ.พัลลภให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวด้วยเสียงสั่นเครือว่า ยังมีกำลังใจเต็ม 100 %

ตนได้รับตำแหน่งรอง ผอ.กอ.รมน. ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ ตั้งแต่มาอยู่พรรคไทยรักไทย ได้เรียนกับนายกฯว่า ตนเป็นทหารมาตลอดชีวิต ในชีวิตคิดอยู่ 2 อย่าง คือ ชาติและสถาบัน ไม่เคยยึดตัวบุคคล ไม่เคยคิดยึดติดกับตำแหน่ง ฉะนั้นวันที่นายกฯให้ตนพ้นจากตำแหน่งรอง ผอ.กอ.รมน. ซึ่งเป็นอำนาจของท่าน ตนไม่ตื่นเต้นและไม่ตกใจ

ยอมรับ ร.ท.ธวัชชัยเคยเป็นคนขับรถ

ในชีวิตผมคิดอยู่เสมอว่า ทำอะไรก็แล้วแต่ ผมเสี่ยงชีวิตมา ทุกคนก็รู้ว่าผมเสี่ยงชีวิตเพื่อประเทศชาติและสถาบันมาตลอด ผมห่วงที่สุดวันนี้ คือปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ผมรับผิดชอบ เรื่อง ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ยอมรับว่า อดีตเคยเป็นคนขับรถของผมสมัยที่เป็นจ่าสิบเอก ขณะที่ผมเป็นเลขารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม วันนี้เขามาทำงานที่ กอ.รมน. และได้ส่งลงไปเป็นทีมเพื่อปฏิบัติการข่าวลับในภาคใต้ ผมดูทีวีเมื่อสักครู่บอกว่า

เขาขับรถวนไปวนมาบริเวณบ้านนายกรัฐมนตรี ผมอยากให้คิดดูว่าคนอย่างผม ถ้าผมจะทำ รถบรรทุกระเบิดจะไปวนอยู่ทำไม ถ้าจะวางก็ต้องวางกันไปเลย ฉะนั้น ผมไม่เข้าใจ แต่ผมยืนยันว่าเขารับผิดชอบงานปฏิบัติงานลับในภาคใต้ ส่วนเขาจะไปทำอะไรเป็นเรื่องของเขาเองและไม่เคยมาปรึกษาผม เพราะงานแบบนี้จะไม่มีการปรึกษากัน พล.อ.พัลลภกล่าว

ไม่เชื่อใช้คาร์บอมบ์ลอบสังหาร

พล.อ.พัลลภกล่าวอีกว่า ดูทีวีและมีการแถลงข่าวมันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้รถไปวางระเบิด ดูจากสภาพ สถานที่ก็ไม่พร้อม ถ้าจะวางต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้ และจะไปขับวน 3-4 รอบให้เขาจับทำไม เมื่อถามว่า เป็นการสร้างสถานการณ์หรือไม่ พล.อ.พัลลภตอบว่า ก็มีเค้าถ้าคนจะทำ อย่างตนจะวางแผน จะใช้คนให้ขับรถไปวนอย่างนั้นหรือ เมื่อถามว่า รู้สึกเสียใจกับการที่นายกรัฐมนตรีปลดออกจากตำแหน่งหรือไม่ พล.อ.พัลลภ ตอบว่า

เรียนตั้งแต่ต้นแล้วว่าไม่เคยยึดติด ได้เรียนนายกฯตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว ที่เชิญตนมาอยู่พรรคไทยรักไทย ว่าไม่เคยยึดติดกับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีก็บอกว่านิสัยเหมือนกันในวันนั้น แต่ถามว่าวันนี้เสียใจมั้ย ตนไม่เสียใจ แต่แปลกใจที่นายกรัฐมนตรีไม่ถามสักคำ เมื่อถามว่า ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติระบุว่ามีแผนสังหารนายกฯ กอ.รมน.ได้รับทราบข้อมูลเหล่านี้หรือไม่ พล.อ.พัลลภ ตอบว่า ได้ยินแต่ ผอ.ข่าวกรองถาม ไม่ถึง 3 วัน ก็เกิดเรื่องขึ้น

ถ้าคนที่จะไปวางระเบิดอย่างที่ว่ากัน รถจะต้องอยู่ในสภาพพร้อมที่จะทำงาน แต่นี่ไม่มีอะไร มีเพียงแต่ดินระเบิด ถ้าคิดจะวางวงจรจะต้องครบ และไม่มีใครบ้าทำ ผมเคยเป็นหัวหน้ากองโจรรบในสนามรบมาก่อน ถ้าจะวาง จะเที่ยวเอารถไปวนเล่นให้ตำรวจเขาจับหรือ


ถ้าจะทำต้องแนบเนียนกว่านี้


เมื่อถามว่า ร.ท.ธวัชชัยมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรหรือไม่ พล.อ.พัลลภตอบว่า ไม่รู้ เพราะต่างคนต่างอยู่ เมื่อถามย้ำว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการสร้างสถานการณ์ ใช่หรือไม่ พล.อ.พัลลภตอบว่า ยืนยันไม่ได้ แต่จากประมวลเหตุการณ์ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะลอบสังหารนายกรัฐมนตรี ตนทำงานอยู่อย่างนี้จะไปทำอะไรท่าน เรื่องการต่อสู้ เรื่องการแตกแยกเป็นเรื่องทางการเมือง ตนดูแลด้านความมั่นคง หากตนจะทำจะไม่ทำแบบนี้จะทำแนบเนียนกว่านี้เยอะ

ในชีวิตตนเป็นหัวหน้าชุดล่าสังหาร หัวหน้ากองโจร ถ้าตนจะทำท่านนายกรัฐมนตรี รับรองว่าหนีไม่พ้นหรอก เรื่องนี้จะต้องถาม ร.ท.ธวัชชัย ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างสถานการณ์หรือไม่ แต่ผมได้ส่ง ร.ท.ธวัชชัยไปทำงานข่าวลับในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่ 3-4 เดือนมาแล้ว เพราะในพื้นที่ภาคใต้ กอ.รมน. ยังรับผิดชอบอยู่ มีชุดทักษิณพัฒนาอยู่ 10 ชุด และชุดสันตินิมิต มวลชนสัมพันธ์ และข่าวลับอีก 20 ชุด ที่ทำงานในพื้นที่ภาคใต้ พล.อ.พัลลภกล่าว

หลังถูกปลดจะไปเล่นกอล์ฟ

เมื่อถามต่อว่า มีความพยายามปล่อยข่าวว่าการลอบสังหารนายกฯเป็นเรื่องจริงหรือไม่ พล.อ.พัลลภตอบว่า ไม่ทราบ แต่ข่าวที่ ผอ.ข่าวกรองบอกว่าจะมีระเบิดพลีชีพเป็นคนละเรื่องกัน แต่ที่เกิดขึ้นเป็นลักษณะของการขนย้าย ทั้งนี้ ยังไม่ได้ติดต่อ ร.ท.ธวัชชัยตั้งแต่เกิดเรื่อง สำหรับ ร.ท.ธวัชชัยไปๆมาๆ ส่วนใหญ่ 15 วัน จะพักหนึ่งครั้ง ก่อนหน้านี้ได้เจอกับ ร.ท.ธวัชชัยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรไปถึงนายกฯ พล.อ.พัลลภ ตอบว่า

ไม่มีอะไร เมื่อเป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชา ท่านจะตั้งหรือปลดเป็นอำนาจของท่าน เมื่อถามอีกว่า การปลดท่านครั้งนี้เป็นธรรมหรือไม่ แต่ พล.อ.พัลลภ ยังไม่ทันได้ตอบ ได้มีเสียงของผู้มาให้กำลังใจตอบแทนว่า ไม่เป็นธรรม เมื่อถามถึงอนาคตทางการเมืองต่อไป พล.อ.พัลลภตอบว่า หากไม่ทำงานก็จะไปเล่นกอล์ฟ เพราะอายุ 70 ปีแล้ว

เผยเส้นทางชีวิตทหาร พัลลภ

ประวัติของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เกิดเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2479 เป็นชาวกรุงเทพมหานคร สำเร็จการศึกษาชั้น ม.6 จากโรงเรียนอำนวยศิลป์ พระนคร แล้วเข้าศึกษาต่อโรงเรียนเตรียมนายร้อยทหารบก รุ่นที่ 14 โรงเรียนนายร้อย จปร.รุ่น 7 และโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ชุดที่ 49 เคยเป็น ผบ.หมวดอาวุธ กองพันทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์, ผบ.กองร้อยอาวุธเบา กองพันที่ 3 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์, ผบ.กองร้อย กรมนักเรียนโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า, ผบ.กองพันที่ 2 กรมทหารราบ ที่ 19

กองพลที่ 9 จ.กาญจนบุรี, ผบ.กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 15 จ.นครศรีธรรมราช, ผบ.ค่าย อิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี, ผบ.กรมทหารราบที่ 19 กองพลที่ 9 จ.กาญจนบุรี และช่วยราชการที่ศูนย์สงครามพิเศษ จ.ลพบุรี, เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในปี 2528, ประจำผู้บัญชาการกองบัญชาการทหารสูงสุดปี 2535 และปีเดียวกันได้ย้ายไปประจำกองบัญชาการทหารสูงสุด, ที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด เมื่อปี 2538 พร้อมตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองบัญชาการทหารสูงสุด ก่อนลาออกเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2539

ในทางการเมืองเป็นสมาชิกวุฒิสภา ปี 2522 และปี 2539, ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 17 พ.ย. 2540 และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี 20 ก.พ. 2544 ลาออก 8 มีนาคม 2545, ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ ผอ.กอ.สสส.จชต. รับผิดชอบบัญชาการแก้ไขปัญหาความไม่สงบทางภาคใต้ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) และเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา)

ธรรมรักษ์ชี้ต้องมีขบวนการ

ด้าน พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการจับกุมตัว ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับ พล.อ.พัลลภ จึงยังไม่ทราบเหตุผลต้องให้ตำรวจสอบ เมื่อถามว่า การปลดพล.อ.พัลลภเป็นการลงโทษที่เร็วเกินไปหรือเปล่า พล.อ. ธรรมรักษ์ตอบว่า ไม่รู้ ต้องไปถามนายกรัฐมนตรี แต่จริงๆแล้วหน่วยข่าวเราก็ติดตามอยู่แล้ว ครั้งนี้เจ้าหน้าที่รู้ก่อนจึงจับได้ ส่วนตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.กลาโหม ของ

พล.อ. พัลลภจะมีผลกระทบต่อการทำหน้าที่ต่อหรือไม่ ไม่ ทราบ แล้วแต่นายกรัฐมนตรี เพราะท่านเป็นคนตั้ง แม้จะเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ก็ต้องมีขบวนการพอสมควร เพราะหน่วยข่าวเขาตามอยู่แล้ว การกระทำครั้งนี้เป็นการก่ออาชญากรรม ถึงไม่ระเบิดก็มีความผิด เพราะมีวัตถุระเบิด ส่วนจะเป็นขบวนการต่อต้านนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ต้องรอให้ตำรวจสอบสวนก่อน


หน่วยข่าวแฉเคยพบรถต้องสงสัย 2 ครั้ง


น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงเหตุการณ์การจับกุม ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ผู้ต้องหาคดีวางแผนลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า จากรายงานด้านการข่าวกรองแจ้งให้ทราบว่ารถคันดังกล่าวเคยมีการพบเห็นมา 2 ครั้งก่อนหน้านี้ ในระหว่างเส้นทางที่นายกรัฐมนตรีเดินทางออกจากสนามบิน บน. 6 ซึ่งเป็นหลังจากช่วงที่นายกรัฐมนตรีเดินทางกลับจากกัมพูชา ในวันที่ 11 ส.ค.

แต่รถคันนี้มีการสวมทะเบียนปลอม จึงตรวจสอบไม่ได้ว่าเป็นของใคร รวมถึงตัวบุคคลที่คาดว่าจะเกี่ยวข้อง กระทั่งล่าสุดสามารถจับกุมได้ในวันที่ 24 ส.ค. เนื่องจากนายกรัฐมนตรีเดินทางออกจากบ้านก่อนเวลาปกติ ระหว่างทาง หน่วยรักษาความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรีเห็นรถคันดังกล่าวจอดอยู่ใต้สะพานข้ามแยกถนนจรัญสนิทวงศ์อีกครั้ง จึงได้แจ้งให้หน่วยรักษาความปลอดภัยอีกชุดเฝ้าสังเกตการณ์จนพบเจ้าของรถขับรถออกไป จึงแสดงตัวขอตรวจค้นจนพบวัตถุระเบิดดังกล่าวอยู่ในรถ

ย้ำมีรัศมีทำลายล้าง 1 ตร.กม.

น.พ.สุรพงษ์กล่าวด้วยว่า ในระหว่างที่เข้าจับกุมนั้น ผู้ต้องหาใส่หมวกแว่นตาดำ ถือเป็นเรื่องผิดปกติเพราะเป็นช่วงเวลาเช้า และในรถยังพบวัตถุระเบิดพร้อมเชื้อปะทุไฟฟ้า แคระเบิดต่อวงจรพร้อมทำงาน มีกระสอบทราย 7 กระสอบ เพื่อบังคับทิศทางระเบิดให้ระเบิดมาในเส้นทางที่รถนายกรัฐมนตรีผ่าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคได้ประเมินถึงอำนาจการทำลายล้างของระเบิดว่า มีรัศมีทำลายล้าง 1 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมชุมชนย่านนั้นจำนวนมาก รวมถึงโรงเรียนพิมลวิทย์ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง และเป็นเวลาเดียวกับที่นักเรียนมาเรียนหนังสือ แสดงให้เห็นว่ามีความพยายามทำร้ายนายกรัฐมนตรี โดยไม่คำนึงถึงชีวิตประชาชนและภาพพจน์ประเทศชาติ

ผวาถูกลอบฆ่าขอเลื่อนหมายทุกภารกิจ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ส่วนการที่ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม และผู้นำเหล่าทัพต่างๆ เดินทางเข้าพบนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเกิดเหตุนั้น เพื่อมาให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี และเตรียมสืบสวนขยายผลในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไป เชื่อว่าไม่ได้มีผู้ต้องหารายนี้แค่คนเดียว ทั้งนี้ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรี ได้เสนอให้นายกรัฐมนตรียกเลิกภารกิจการตรวจสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดน่าน

ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.อุตสาหกรรม นายพินิจ จารุสมบัติ รมว.สาธารณสุข นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.มหาดไทย ลงไปดูสถานการณ์แทน รวมถึงการยกเลิกภารกิจการเดินทางไปตรวจเยี่ยมเขาพระวิหาร ประเทศกัมพูชา ร่วมกับนายฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชาด้วย และนายกรัฐมนตรีได้สั่งให้กระทรวงการต่างประเทศ ประสานไปยังประเทศกัมพูชาเพื่อเลื่อนภารกิจดังกล่าวออกไปก่อน

ยันปลด พัลลภ ไม่เกี่ยวเหตุลอบสังหาร

น.พ.สุรพงษ์กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 160/2549 เรื่องให้ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) พ้นจากตำแหน่ง รองผอ.กอ.รมน. เนื่องจากปัจจุบัน ตำแหน่ง รอง ผอ.กอ. รมน.ที่เป็นฝ่ายข้าราชการประจำ ได้ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่ง รอง ผอ.กอ.รมน. ฝ่ายการเมือง หรือฝ่ายนโยบายทำหน้าที่ต่อไปอีก

ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ เป็นคนขับรถของ พล.อ.พัลลภ แต่อย่างใด ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลมีหลักฐานชัดเจนอะไรที่แสดงให้เห็นว่า เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นเป็นการลอบสังหารนายกรัฐมนตรี น.พ.สุรพงษ์ ตอบว่า รถคันดังกล่าวเคยปรากฏในเส้นทางผ่านของรถนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 2 ครั้ง เป็นหลักฐานที่สำนักข่าวกรองยืนยันมา ล่าสุดก็มาอยู่ในเส้นทางผ่านของรถนายกรัฐมนตรี อีก รวมถึงตัวผู้ต้องสงสัยก็อยู่ในข้อมูลที่ฝ่ายข่าวกรองเคยแจ้งมา

และระเบิดที่พบก็พร้อมกดรีโมตทำงานได้ทันที มีพยานแวดล้อมยืนยันว่า รถคันดังกล่าวมาจอดอยู่ในบริเวณสะพานข้ามแยกจรัญสนิทวงศ์ ตั้งแต่เช้าแล้ว ยืนยันว่าไม่ใช่การสร้างสถานการณ์ เพราะถ้าเป็นการสร้างสถานการณ์จริง จะไม่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้ และเชื่อว่าจะขยายผลจับกุมบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องได้


มีหลายกลุ่มจ้องฆ่านายกฯ


ผู้สื่อข่าวถามว่า สำนักข่าวกรองระบุหรือไม่ว่า นอกจากกลุ่มของผู้ต้องหาคนดังกล่าวแล้ว ยังมีกลุ่มบุคคลอื่นอีกหรือไม่ที่ต้องการลอบทำร้ายนายกรัฐมนตรี น.พ.สุรพงษ์ตอบว่า มี โดยมีการระบุชื่อกลุ่มบุคคลอื่น นอกเหนือจากผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ด้วย แต่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับ พล.อ.พัลลภหรือไม่ น.พ.สุรพงษ์ตอบว่า ไม่ทราบ ต้องรอการขยายผลสอบสวนก่อน เมื่อถามว่า

กลุ่มบุคคลอื่นที่ต้องการลอบสังหารนายกรัฐมนตรี เป็นคนในเครื่องแบบหรือไม่ น.พ.สุรพงษ์ตอบว่า ไม่ทราบ เพราะไม่มีรายละเอียดเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า หน่วยข่าวระบุถึงสาเหตุการลอบสังหารนายกรัฐมนตรีหรือไม่ว่า มีสาเหตุมาจากอะไร น.พ.สุรพงษ์ตอบว่า อยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน ยังคาดเดาไม่ได้ แต่เมื่อได้ตัว ผู้ต้องหามาแล้วคงต้องซักถามเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่ รายงานข่าวยืนยันว่า มีความพยายามลอบสังหารนายกรัฐมนตรี จึงได้มีความตื่นตัว หากไม่มีความตื่นตัวด้านการข่าว คงไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ เมื่อถามว่า ทราบหรือไม่ว่าใครคือศัตรูที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนายกรัฐมนตรี น.พ.สุรพงษ์ตอบว่า กำลังสืบสวนสอบสวนอยู่

ให้เก็บตัวอยู่บ้านช่วงวันหยุด

เมื่อถามว่า จะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษแก่นายกรัฐมนตรีในช่วงนี้อย่างไร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีตอบว่า ช่วงนี้คงต้องยกเลิกภารกิจของนายกรัฐมนตรีที่ไม่จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเดินทางไปด้วยตัวเองออกไปก่อน รวมถึงจะมีการกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยอื่นๆตามมา ทั้งนี้ ถ้าเป็นช่วงสุดสัปดาห์ที่นายกรัฐมนตรีไม่มีภารกิจของราชการ คาดว่านายกรัฐมนตรีคงพักผ่อนอยู่กับบ้าน

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการสร้างสถานการณ์ของรัฐบาล น.พ.สุรพงษ์ตอบว่า ตั้งแต่เกิดเหตุในช่วงเช้า สื่อมวลชนทุกแขนงได้รายงานเหตุการณ์ให้ประชาชนทราบอยู่แล้ว ใครที่พยายามจะบิดเบือน หรือลดทอนความรุนแรงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องถามว่ามีความเข้าใจในสถานการณ์ ที่เกิดขึ้นหรือไม่ หรือมีความพยายามบิดเบือนอย่างอื่นหรือไม่

หมอเลี้ยบ ประณามพวกวางแผนฆ่า

ก่อนหน้าแถลงข่าว น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงเหตุลอบสังหารนายกรัฐมนตรี ว่าถือเป็นความพยายามของคนบางกลุ่มที่ไม่ประสงค์ดี ต้องการสร้างสถานการณ์ ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ขณะนี้มีความชัดเจน ในระดับหนึ่งว่า มีผู้ที่อาจจะเกี่ยวอยู่เบื้องหลังเป็นใคร ส่วนเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับประเด็นการเมืองหรือไม่นั้น น.พ.สุรพงษ์กล่าวว่า ปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้น ไม่ได้เป็นปัญหาในลักษณะของการแข่งขันทาง การเมืองในวิธีการปกติ

มีความพยายามของกลุ่มผู้สูญเสียอำนาจ เสียผลประโยชน์จะใช้วิธีการดังกล่าว ฉะนั้นเป็นเรื่องที่รัฐบาลหรือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องพยายามช่วยกันระแวดระวังป้องกัน ขณะเดียวกัน ขอเรียกร้องทุกฝ่ายที่หวังดีต่อประเทศชาติให้ดำเนินการทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์ การเมืองที่มุ่งทำร้ายกัน โดยเฉพาะถึงขนาดมุ่งร้ายหมายชีวิตนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ถือเป็นเรื่องเลวร้าย น่าชิงชัง สมควรถูกประณาม

ระบุข่าวลอบสังหารแพร่นานแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับข้อมูลของว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคไทยรักไทย ที่ระบุถึงข้อมูลการลอบสังหารนายกรัฐมนตรีก่อนหน้านี้หรือไม่ น.พ.สุรพงษ์กล่าวว่า ยังไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกับว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ในเรื่องข้อมูลดังกล่าว แต่ก็เป็นเรื่องที่เคยมีการข่าวมาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วเกี่ยวกับกรณีจะมีการลอบทำร้าย ในขณะนั้นเป็นลักษณะของการกรองข่าวมาของหน่วยงานด้านความมั่นคง ซึ่งเป็นเรื่องที่เราระแวดระวัง ส่วนการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีนั้น ในส่วนที่เป็นภารกิจสำคัญนายกฯต้องลงไปปฏิบัติอยู่แล้ว


อภิสิทธิ์โนคอมเมนต์เรื่องระเบิด


ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ ถึงกรณีจับกุม ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ที่เตรียมลอบวางระเบิดบ้านนายกฯว่า ไม่ขอแสดงความคิดเห็น เพราะต้องการทราบข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก่อน ส่วนจะทำให้เหตุการณ์ความขัดแย้งบานปลายออกไปหรือไม่นั้น ที่ผ่านมาเคยบอกไปแล้วว่าถ้าทำให้ทุกฝ่ายได้เข้าใจว่ากฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์และมีการบังคับใช้อย่างจริงจังจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้ เพราะคนส่วนใหญ่ที่มีความคิดเห็นในทางการเมือง

ความรู้สึกที่จะรุนแรงบ้าง แต่เขาจะไม่ใช้ความรุนแรง และไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ยกเว้นเสียแต่ว่ามีความเชื่อว่าทำไปแล้วไม่ต้องถูกลงโทษ ถ้ามีความเข้มงวดกวดขันตรงนี้อย่างชัดเจนจากเจ้าหน้าที่ คิดว่าทุกอย่างก็จะดีขึ้น เมื่อถามว่าเป็นการสร้างสถานการณ์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ต้องให้เจ้าหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดให้ชัดเจนก่อน

กลุ่มพันธมิตรมองสองมุม

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีพบรถขนระเบิดบริเวณใกล้บ้านนายกรัฐมนตรีว่า พันธมิตรมองอยู่สองมุมคือ ถ้าเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่การสร้างสถานการณ์ ก็ถือว่าสังคมไทยตกอยู่ภายใต้ของความเสี่ยง ที่ความรุนแรงพร้อมปะทุปกคลุมไปทั่ว ไม่เว้นแม้บ้านผู้นำประเทศ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง และทำลายเสถียรภาพของสังคมโดยรวม อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่านโยบายบางอย่างของรัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาภาคใต้ การปราบปรามผู้มีอิทธิพลแบบเลือกปฏิบัติ รวมถึงพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ และการท้าทายผู้มีบารมีหลายครั้ง ก็มองได้ว่าเป็นการสร้างศัตรูไปสี่มุมเมือง จนอาจเกิดแผนลอบสังหารขึ้นจริงก็ได้

สุริยะใส เชื่อสร้างสถานการณ์

ผู้ประสานงานพันธมิตรกล่าวด้วยว่า ถ้ามองอีกมุมก็เป็นไปได้ว่าเหตุครั้งนี้อาจเป็นการสร้างสถานการณ์ของฝ่ายรัฐบาล เนื่องจากมีการปล่อยข่าวแผนลอบสังหารผู้นำจากคนในรัฐบาลออกมาเป็นระยะๆ ทั้งยังพยายามโยงไปถึงการเคลื่อนไหวของพันธมิตรด้วย นอกจากนี้ยังมองว่าเป็นเรื่องแปลก ที่เหตุวางระเบิดหน้าบ้านป๋าเปรม เมื่อ 4-5 เดือนที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้ยังจับผู้ร้ายไม่ได้ แต่กรณีนี้เจ้าหน้าที่กลับจับผู้กระทำได้ทันท่วงที ทั้งรัฐบาลเองก็รู้ล่วงหน้า ดังนั้น ถ้าเป็นการสร้างสถานการณ์ คนที่ทำก็คงมีเจตนาสร้างความชอบธรรมในการกระชับอำนาจของผู้นำรักษาการ

เพื่อหวังใช้ความเด็ดขาดในการปราบปราม กำจัดฝ่ายตรงกันข้าม หรือเตรียมจัดตั้งลวงมวลชนให้ออกมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย เพื่อปกป้องพิทักษ์ผู้นำที่กำลังหมดความชอบธรรม รัฐบาลจะต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง เร่งสร้างความกระจ่างให้กับประชาชนโดยเร็ว สังคมคงต้องรอฟังคำชี้แจงจาก พล.อ.พัลลภที่ถูกโยงในเรื่องนี้ด้วย และขอว่าอย่าใช้วิธีปล่อยข่าวหรือป้ายสีว่าพันธมิตร ว่ามีส่วนรู้เห็นเพราะจุดยืนของเราคือการเคลื่อนไหวอย่างสันติและปฏิเสธการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ

ตลาดหุ้นตระหนกข่าวลอบสังหาร

ขณะเดียวกัน หลังกระแสข่าวลอบสังหารนายกรัฐมนตรีแพร่สะพัดตลอดทั้งวันที่ 24 ส.ค. ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นของไทยก็ได้เกิดกระแสตื่นตระหนก โดยนักลงทุนได้เทขายหุ้นออกมาอย่างหนัก เนื่องจากเกิดความกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยทรุดตัวลงอย่างรุนแรง กดให้ดัชนีหุ้นวันที่ 24 ส.ค. ลงมาต่ำสุดที่ 688.05 จุด ก่อนเคลื่อนไหวมาปิดตลาดที่ 692.17 จุด ลดลง 5.84 จุด ขณะที่มีมูลค่าการซื้อขาย 9,642 ล้านบาท นางภัทรียา เบญจพลชัย ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์

กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยที่ปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 700 จุดขณะนี้ และมีมูลค่าการซื้อขายเบาบาง เป็นผลมาจากนักลงทุนมองการลงทุนระยะยาวมากกว่า ส่วนนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบล.กิมเอ็ง กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์เตรียมวางระเบิดใกล้บ้านนายกรัฐมนตรี และหลายฝ่ายมองว่าเป็นเรื่องอ่อนไหว เชื่อว่ายังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ คาดว่าสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่ในขณะนี้จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้


แบงก์ชาติชี้ไม่กระทบเศรษฐกิจ


ส่วน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีที่มีการจับกุมรถบรรทุกระเบิดบริเวณใกล้เคียงกับบ้านนายกรัฐมนตรีว่า น่าจะสร้างผลกระทบต่อพื้นฐานเศรษฐกิจไทยในระดับหนึ่งเท่านั้นไม่มากนัก เพราะโดยรวมพื้นฐานเศรษฐกิจยังคงดีอยู่ ส่วนเรื่องนี้เป็นเรื่องของการก่อความวุ่นวายทางการเมือง

สำนักข่าว ตปท.กระพือข่าวทั่วโลก

วันเดียวกัน สำนักข่าวเอพี เอเอฟพีและรอยเตอร์ รายงานข่าวไปทั่วโลกว่า ตำรวจไทยได้ล้มแผนการก่อเหตุระเบิดมุ่งปองร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย โดยผู้ต้องสงสัยได้ขับรถเก๋งที่มีระเบิดทีเอ็นที ปุ๋ยยูเรียและระเบิดซีโฟร์ ขับวนเวียนแถวบริเวณบ้านของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซอยจรัญฯ 69 ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแจ้งต่อตำรวจให้ไล่กวดจับกุมตัวและเก็บกู้ระเบิดไว้ได้ โดยผู้ต้องสงสัยทราบชื่อว่าร้อยโทธวัชชัย กลิ่นชะนะ นายทหารสังกัดกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน

ข่าวยังรายงานข่าวถึงการปลด พล.อ. พัลลภ ปินมณี จากตำแหน่งรอง ผอ.รักษาความมั่นคงภายใน และยังระบุด้วยว่า ทีมรักษาความปลอดภัยของพ.ต.ท.ทักษิณเผยว่า ทีมงานทราบเบาะแสเกี่ยวกับการวางแผนปองร้าย พ.ต.ท.ทักษิณโดยใช้ระเบิดซ่อนในรถยนต์ นำไปจอดไว้ใกล้กับบ้านพักของ พ.ต.ท.ทักษิณมาหลายเดือนแล้ว และได้ร่วมกับตำรวจในพื้นที่เฝ้าสืบสวน จนกระทั่งพบรถต้องสงสัยและระเบิดตามที่สันนิษฐานไว้ตั้งแต่ต้น

อชิรวิทย์ แถลงหลักฐานมัดนายทหาร

ล่าสุดเมื่อเวลา 22.15 น. พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปที่กองปราบปรามเปิดแถลงข่าวความคืบหน้าของคดีที่เกิดขึ้นอีกครั้งว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนได้ประสานกับฝ่ายรักษาความปลอดภัยของ กอ.รมน. ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่า รถคันดังกล่าวได้ออกจากที่ตั้ง กอ.รมน. สวนรื่นฤดี เมื่อเวลา 05.45 น. ของวันที่ 24 ส.ค. เป็นหลักฐานที่ชัดแจ้งจากเอกสารของ กอ.รมน. ทหารยามในหน่วยระบุยืนยันว่า ผู้ขับขี่รถ คือ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ มีตำแหน่งจริงสังกัดอยู่ในสำนักงานเลขานุการกองทัพบก ช่วยราชการ กอ.รมน. เอกสารประจำตัวที่เป็นบัตรข้าราชการ กอ.รมน.นั้นอยู่ที่ตัว

รถออกจาก กอ.รมน.ตอนตีห้าเศษ

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า ที่ผู้ต้องหาอ้างว่า รับจ้างจากนายจุ้ย นั้น จึงไม่เป็นความจริง เพราะเอกสารบัญชีการผ่านของ กอ.รมน. ยืนยันชัดแจ้งว่า รถแดวูคันดังกล่าว ได้ออกจากที่ตั้ง กอ.รมน. เมื่อเวลา 05.45 น. นอกจากนี้แล้ว เจ้าหน้าที่สืบสวนยังได้ตามไปตรวจค้นบ้านผู้ต้องหาที่กรมทหารราบที่ 11 พบแกลลอนน้ำมันชนิดและสีเดียวกับที่พบที่รถคันเกิดเหตุ ขณะนี้ กำลังตรวจค้นอีกสถานที่หนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะได้หลักฐานเพิ่มเติมที่เป็นชนิดเดียวกับที่พบในรถ


ขอให้คำนึงถึงผู้บริสุทธิ์


เรียนให้ประชาชนทราบว่า ตำรวจต้องทำความจริงให้ปรากฏ เพราะเหตุดังกล่าว หากครบถ้วนตามความต้องการของผู้ต้องหาจะเกิดผลเสียหายโดยตรงกับประชาชนอย่างมหาศาล เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเป็นเวลาผู้คนกำลังสัญจรในช่วงรีบเร่ง และตรงจุดเกิดเหตุนั้นเป็นที่ตั้งของโรงเรียน สถานที่สำคัญหลายแห่ง หากความเสียหายเกิดขึ้น ความเสื่อมเสียของประเทศชาติ

และความมั่นคงของบ้านเมือง ความเชื่อมั่นในความเป็นคนไทยด้วยกัน ต้องเสียหายใหญ่หลวง ไม่ว่าฝ่ายใดที่จะเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน หรือเป็นมิตรต่อกันก็ดี ขอให้คำนึงถึงประโยชน์บ้านเมืองเป็นหลัก ที่สำคัญคือประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้เรื่อง ต้องได้รับผลของการกระทำอย่างใหญ่หลวงครั้งนี้ด้วย พล.ต.ท.อชิรวิทย์กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

ติงทุกฝ่ายหยุดวิพากษ์วิจารณ์

ขอให้ทุกฝ่ายได้โปรดกรุณายุติการวิจารณ์พาดพิง หรือให้ร้ายฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ขอย้ำว่าทุกฝ่าย ไม่ว่าฝ่ายนั้นจะเป็นฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน หรือฝ่ายพันธมิตร ขอความกรุณารอการตรวจพิสูจน์ รอผลคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนสอบสวนให้กระจ่างแล้วไปรอคำตัดสินของศาล ได้โปรดกรุณาอย่าวิจารณ์ อย่าสร้างความแตกแยกในบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้คำมั่นสัญญาว่า เราจะดำเนินการ ดำเนินคดี ทำความจริงให้ปรากฏ ด้วยพยานหลักฐานที่มีอยู่อย่างถูกต้องครบถ้วนกระบวนความ ในขบวนการยุติธรรม โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวในที่สุด

เจ้าของรถโผล่บอกขายนานแล้ว

ขณะเดียวกัน นายสุวโรช เตยะพรหมวงศ์ อายุ 40 ปี เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่เกี่ยวข้องกับรถแดวูคันที่ถูกตรวจยึดพร้อมระเบิด โดยยอมรับว่าเคยเป็นเจ้าของเดิม ทะเบียนจริงคือ 2 ณ-7652 กรุงเทพมหานคร ก่อนขายให้เต็นท์รถมือ 2 ชื่อ ศรีเมือง 2 อยู่ย่านรัชดา-ท่าพระ เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ในราคา 8 หมื่นบาท มีนายสานนท์ พุ่มกุมาร เป็นผู้รับซื้อ จากนั้นไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย พอดีมีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อมาจึงเดินทางเข้าแสดงความบริสุทธิ์ใจ


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์