พบตะปู-เข็มหมุดในท้องเจ้าอาวาส

อุตรดิตถ์ 18 พ.ค. - โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ ผ่าตัดเจ้าอาวาสวัดหาดสองแคว นำตะปูกับเข็มหมุดออกจากลำไส้และกระเพาะอาหารอย่างปลอดภัย แต่ยังต้องพักรอดูอาการอีกระยะ แพทย์ระบุเคราะห์ดีปลายแหลมไม่แทงลำไส้ทะลุ

นพ.เธียรชัย คฤหโยธิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ เปิดเผยถึงอาการของพระอธิการอนุวัฒน์ ธิมาจร อายุ 32 ปี เจ้าอาวาสวัดหาดสองแคว อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์

หลังผ่าตัดนำตะปูกับเข็มหมุดในลำไส้เล็กและกระเพาะอาหารออกเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า ขณะนี้ยังพักฟื้นในโรงพยาบาล เพื่อรอดูอาการอีกครั้ง ซึ่งพระอธิการอนุวัฒน์ ถูกส่งต่อมาจากโรงพยาบาลท่าปลา เช้าวันนี้ (18 พ.ค.) เนื่องจากปวดท้องอย่างรุนแรง แพทย์เอกซเรย์พบสิ่งแปลกปลอมเป็นตะปูความยาว 2 นิ้ว จำนวน 2 อัน ขวางลำไส้เล็กส่วนต้น และบริเวณกระเพาะอาหารพบเข็มหมุดอีก 1 อัน จึงผ่าตัดโดยด่วน เพราะเกรงจะเป็นอันตราย ล่าสุดผู้ป่วยยังมีอาการอ่อนเพลีย และเจ็บบริเวณแผลที่ผ่าตัด


นพ.ธิติ ภมรศิลปะธรรม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมและการผ่าตัด โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ กล่าวว่า หากเป็นการกลืนลงไปลักษณะเหมือนกลืนอาหารทั่วไป น่าจะใช้ระยะเวลา 2-3 วัน ในการขับสิ่งแปลกปลอมออกมา

จากลักษณะของตะปูและเข็มหมุดที่อยู่ในร่างกาย พบว่าขนานกับลำไส้ ส่วนปลายแหลมหันขึ้น หมายความว่า หากเป็นการกลืนผ่านทางช่องปาก ผู้กลืนจะหันหัวตะปูและเข็มหมุนลง สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง เนื่องจากส่วนของตะปูได้มาอยู่ตรงส่วนคอดของลำไส้เล็ก เกิดการขวาง ประกอบการเกิดการบีบตัวของลำไส้และกระเพาะอาหาร ตามวิทยาการทางการแพทย์แล้ว การที่สิ่งแปลกปลอมไม่ว่าจะเป็นอะไร หากพบในร่างกายจะมีหนทางเดียว คือ ด้วยการกลืน ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตราย หากเป็นของมีคมและปลายแหลม อาจทำให้หลอดอาหาร ลำไส้ และกระเพาะอาหาร เกิดบาดแผล ส่วนความเชื่อของผู้ป่วยด้วยไสยศาสตร์ ถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคล


ด้านพระอธิการอนุวัฒน์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าตะปูและเข็มหมุดเข้าไปอยู่ในร่างกายได้อย่างไร

แต่เริ่มมีอาการปวดท้องบ่อย เมื่อปี 2547 จึงไปพบแพทย์เพื่อรักษา ระยะแรกแพทย์ระบุว่าเป็นนิ่ว แต่รักษาแล้วอาการปวดท้องไม่หาย แพทย์โรงพยาบาลท่าปลา จึงเอกซเรย์ครั้งแรกพบเข็มหมุด 1 อัน ต่อมาปี 2551 อาการปวดท้องกำเริบอีก แพทย์เอกซเรย์พบเข็มหมุดและตะปู จึงยังไม่รักษาตามแพทย์แผนปัจจุบัน กระทั่งวันนี้ปวดท้องอย่างรุนแรง จึงไปพบแพทย์อีกครั้งและผ่าตัด. - สำนักข่าวไทย


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์