3 เขื่อน-วิกฤติ น้ำเกือบเต็ม!

เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ จ.กาญจนบุรี น้ำป่าไหลท่วม ต.ทุ่งกระบ่ำ และ ต.หนองโสน อ.เลาขวัญ โรงเรียนต้องประกาศหยุด พระออกบิณฑบาตไม่ได้ ไร่นาจมน้ำหลายพันไร่ ถนนสายเลาขวัญ-ทุ่งกระบ่ำ และสายเลาขวัญ-หนองโสนขาด

นายวินัย ถาวรนาน ผอ.เขื่อนศรีนครินทร์ ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ เปิดเผยว่า น้ำในอ่างเก็บน้ำมี 85% สามารถรองรับน้ำได้อีก 2,500 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะเดียวกัน ต้องชะลอการปล่อยน้ำ นายอำนาจ ผการัตน์ ผวจ.กาญจนบุรี กล่าวว่า จะมีฝนตกหนักมากในหลายพื้นที่ ขอแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่บริเวณที่ราบลุ่มริมน้ำและที่ลาดเชิงเขา รวมถึงพื้นที่เสี่ยงภัยระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าและดินถล่ม สำหรับเขื่อนต่างๆใน จ.กาญจนบุรียังรองรับน้ำได้อีกมาก และปลอดภัย 100%

จ.พระนครศรีอยุธยา นายทศพล วังศิลาบัตร ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัด เปิดเผยว่า การเดินเรือขนส่งสินค้า โดยเฉพาะปูนซีเมนต์ ข้าว และถ่านหิน มาตามแม่น้ำป่าสักในเขต อ.นครหลวง ได้รับผลกระทบอย่างหนัก


เรือสินค้าต้องจอดหลบไม่กล้าเสี่ยง เพราะท้ายขบวนอาจกระแทกกับสะพานข้ามแม่น้ำ บางลำผ่านสะพานไม่ได้เพราะระดับน้ำสูง นอกจากนี้ การสร้างสะพานข้ามแม่น้ำป่าสัก บนถนนสายเอเชียในเขต ต.บ่อโพง อ.นครหลวง คงเสร็จไม่ทันตามกำหนด เพราะน้ำท่วมตอม่อ
นายอาณัฐพงษ์ ศักดิ์เจริญ ผอ.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ฯ สาขาพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจความเสียหายพื้นที่การเกษตร หากเกษตรกรรายใดประสบภัยจนไม่สามารถนำเงินมาชำระหนี้ได้ จะเสนอให้บอร์ด ธ.ก.ส.พิจารณาพักชำระหนี้ สำหรับ ลูกค้าที่ไม่เสียหายมากนัก จะให้สินเชื่อเงินกู้มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ เพื่อนำไปทำทุนประกอบอาชีพ

นายเมธาดล วิจักขณะ ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นมาก เพราะเขื่อนเร่งระบายเพื่อให้ น้ำที่ท่วมใน จ.ลพบุรี สระบุรี และนครราชสีมาลดลง


ส่วนโบราณสถานที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำที่น่าเป็นห่วง คือบริเวณป้อมเพชร ต.หอรัตนไชย และหน้าวัดไชยวัฒนาราม ต.บ้านป้อม ได้ให้คนงานขนถุงทรายวางทำแนวป้องกันสูง 2.50 เมตร ยาว 200 เมตร
ที่ จ.สระบุรี นายสรรเสริญ เอี่ยมกมล รอง ผอ. แขวงการทางสระบุรี ตรวจถนนสายแก่งคอย-นครนายก ช่วงกิโลเมตรที่ 9 พบว่าบริเวณสะพานบ้านโคกกรุง หมู่ 7 ต.ชำผักแพว อ.แก่งคอย พื้นสะพานแตก ดินใต้ ถนนถูกน้ำกัดเซาะเป็นโพรงใหญ่ ผิวถนนคอนกรีตเหลือเพียง 10 เซนติเมตร ไม่สามารถรับน้ำหนักรถได้ต้องปิดห้ามผ่าน ส่วน จ.นครนายก ชาวบ้านต้องขนย้ายข้าวของไปไว้ที่สูง ขณะเดียวกัน มีงูมากับกระแสน้ำเข้าไปกินไก่ในบ้าน ส.ต.อาทิตย์ ชไมพรเลิศสกุล อายุ 47 ปี อาจารย์วิทยาลัยเทคนิคนครนายก หน่วยกู้ภัยต้องเข้าไปจับออกมา เป็นงูเหลือมยาว 4.50 เมตร หนัก 25 กิโลกรัม


สำหรับหมู่บ้านสิรัญญา ต.ถนนใหญ่ อ.เมืองลพบุรี หรือที่รู้จักกันในนามหมู่บ้านเศรษฐี เพราะมีราคาแพง น้ำยังท่วมบ้านกว่า 600 หลังคาเรือน แม้จะเร่งสูบน้ำออกทางคลองชลประทาน


แต่มีน้ำป่าจากภูเขา ซึ่งเป็นน้ำฝนไหลเข้ามาเติม นายนพพร ชัยพิชิต ผอ.ส่วนจัดสรรน้ำฯ สำนักชลประทานที่ 10 กล่าวว่า เขื่อนป่าสักมีน้ำ 45 เปอร์เซ็นต์ ยังรับน้ำได้อีกมากและได้ปิดประตูระบายน้ำ ส่วนหมู่บ้านสิรัญญาได้สูบน้ำออกวันละ 4.5 แสนลูกบาศก์เมตร ถ้าไม่มีฝนตก จะแห้งภายใน 10 วัน ขณะที่ประชาชนที่ประสบภัยในหลายตำบลต่างขึ้นมาอาศัยบนถนน วัดหลายแห่งพระต้องเอากระสอบทรายมากั้น
ที่ จ.ปราจีนบุรี น้ำท่วมชุมชนตลาดเก่ากบินทร์บุรี เด็กๆนำห่วงยางมาเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน และน้ำจาก อ.กบินทร์บุรี เริ่มไหลลง อ.ศรีมหาโพธิ และ อ.เมืองปราจีนบุรี ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำปราจีนบุรีสูงมาก คาด ว่าภายใน 2 วันจะล้นตลิ่ง เกษตรกรเลี้ยงปลาทับทิมในกระชังต่างรีบจับปลาขายก่อนกำหนด เนื่องจากเกรงว่า โรงงานอุตสาหกรรมบางแห่งจะลักลอบปล่อยน้ำเสีย ลงสู่แม่น้ำ


ภาคอีสานน้ำท่วมในเขตเทศบาลตำบลวาริชภูมิ อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร เนื่องจากฝนตกกลางดึก และน้ำป่าจากเทือกเขาภูพานไหลบ่ามาตามลำห้วยปลาหาง

ทำให้ ทะลักเข้าท่วมเขตเทศบาล ด้าน จ.เลย นายมานิตย์ มกรพงศ์ ผวจ.เลย ออกมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเขตเทศบาลเมืองเลย
นายอธิคม สุพรรณพงศ์ ผวจ.หนองบัวลำภู ออกตรวจสภาพน้ำท่วมที่บ้านเอื้อง หมู่ 1 ต.ฝั่งแดง อ.นากลาง ระดับนำสูง 1 เมตร สำหรับอำเภอที่ได้รับผลกระทบหนักมีที่ อ.สุวรรณคูหา อ.นากลาง อ.เมือง เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำจนบางพื้นที่น้ำลดลงมาก ขณะเดียวกันฝนตกหนักทำ ให้น้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองและถนนวงแหวนรอบเมือง โรงสีข้าวชื่อศรีไทยใหม่ซึ่งมีโกดังขนาดใหญ่เข้าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลโดนน้ำท่วมข้าวเปลือกส่วนหนึ่งเสียหายทำให้ต้องเร่งขนย้ายข้าวที่เหลือกันอย่างโกลาหล

นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า มี 22 จังหวัดประสบอุทกภัยอย่างหนัก


กรมทรัพยากรน้ำได้วิเคราะห์สถานการณ์ น้ำในเขื่อนขนาดใหญ่พบมี 3 แห่ง อยู่ในภาวะที่เกินความสามารถในการรองรับน้ำเข้าเขื่อนแล้ว เนื่องจากมีปริมาณน้ำในเขื่อนมากกว่า 80% ได้แก่ เขื่อนศรีนรินทร์ จ.กาญจนบุรี มีปริมาณน้ำถึง 85% เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก และปราจีนบุรี 80% และเขื่อนประแสร์ จ.ระยอง 83% ซึ่งอยู่ในเกณฑ์วิกฤติต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษขอเตือนประชาชนที่มีบ้านเรือนอยู่ใต้เขื่อนทั้ง 3 แห่งรวมทั้งนักท่องเที่ยวต้องติดตามสถานการณ์

ด้านนายสุพจน์ โตวิจักษ์ชัยกุล ผอ.สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรน้ำ กล่าวว่า ช่วงฤดูฝนเดือน ต.ค.ยังไม่แน่ว่าจะมีพายุผ่านเข้ามาประเทศไทยหรือไม่


เขื่อนหลายแห่งไม่น่าห่วงมีพื้นที่รับน้ำได้อีกเช่นเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ปีนี้ฝนตกหนักติดต่อกันในพื้นที่ซ้ำๆและกระจายทั่วทุกภาคแบบพร้อมๆกัน และมีน้ำจากเขาไหลลงมาท่วมบ้านเรือนประชาชน บางจุดเช่นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ปริมาณฝน 1 วัน วัดได้ถึง 110 มม. ซึ่งผิดปกติมาก แค่เกินระดับ 50 มม.ต่อวันก็หนักแล้ว

นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ กล่าวว่า กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่าจะมีฝนตกหนักทั่วทุกภาคต่ออีก 2-3 วัน


เตรียมใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ มาประมวลเส้นทางเดินของน้ำและจะประสานกับกรมชลประทานเตือนภัย ขณะที่นายธีระ วงศ์สมุทร อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่ากรมชลประทานจะเร่งระบายน้ำลงลุ่มน้ำของเขื่อนแต่ละแห่งให้มากที่สุด หากฝนตกเหนือเขื่อน น้ำทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในอ่าง เพื่อเก็บไว้ใช้ในช่วงแล้งปีต่อไป ส่วนพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  เนื่องจากมีฝนตกหนักเมื่อวันที่ 12-13 ก.ย. ครอบคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนทั้งหมดทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วม

บ่ายวันเดียวกัน พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกล่าวว่า แนวโน้มสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติใน 2-4 วันนี้


อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุมี 2 แห่ง คืออ่างเก็บน้ำศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี และอ่างเก็บน้ำประแสร์ จ.ระยอง การคาดการณ์สภาพอากาศช่วงเดือน ก.ย. ถึง พ.ย. พบว่าเดือน ก.ย. พายุหมุนเขตร้อนมีโอกาสเคลื่อนเข้าใกล้หรือเข้าสู่ประเทศไทยตอนบน ส่วนเดือน ต.ค. อาจเคลื่อนเข้าสู่ภาคตะวันออกหรือภาคใต้ และเดือน พ.ย. มีโอกาสเคลื่อนเข้าสู่ภาคใต้ ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มและอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน

กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศว่า ร่องความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ


และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีฝนตกหนาแน่น
สำหรับจังหวัดที่มีฝนตกหนักคือ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ เลย ชัยภูมิ ขอนแก่น หนองบัวลำภู สกลนคร มหาสารคาม กาฬสินธุ์ อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี สุรินทร์ นครราชสีมา นครนายก ปราจีนบุรี สระบุรี และลพบุรี ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในที่ราบลุ่ม และบริเวณที่ลาดเชิงเขาต้องระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าใน 1-2 วันนี้ ส่วนกรุงเทพมหานครมีฝนตกหนักตลอดช่วงเย็นถึงค่ำ สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทย และทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 2 เมตร

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์