ศาลรับฟ้องยุทธตู้เย็น-พวก พยายามฆ่า คดีคอมมานโดยิงถล่มบ้าน

คดียกหน่วยคอมมานโดยิงถล่มบ้านตระกูล'ศตะกูรมะ' แต่2ตายายรอดตายหวุดหวิด เพราะใช้ตู้เย็นเป็นที่กำบัง โจทก์ดีใจที่คดีมีมูล เผยถูกข่มขู่ให้ถอนฟ้อง จนทนายถอนตัวไป 3 คน เจ้าของบ้านยังผวาหลบหนีไปอยู่ป่า

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ผู้พิพากษาออกนั่งบัลลังก์เพื่อพิจารณาคดีหมายเลขดำที่ 2248/2549 นัดพร้อมคำให้การคดียิงถล่มบ้าน นายนิสัยและนางอุดม ศตะกูรมะ โดยมีนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำเลยที่ 1 พร้อมพวกอีก 11 คน ตกเป็นจำเลย ประกอบด้วย ร.ต.อ.มนู เศรษฐาจินดา, พ.ต.ต.อาสาฬห์ ถมยา, ว่าที่ พ.ต.อ.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์, พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์, ร.ต.อ.ชัชวาลย์ ทิพย์พิชัย, จ.ส.ต.จักรภพ เทพเสนา, พ.ต.ท.สมศักดิ์ จันทะพิงค์, พล.ต.ต.ปานศิริ ประภาวัติ, พล.ต.ต.วันชัย ถนัดกิจ, พล.ต.ท.ปรัชญา สุทธปรีดา และ พ.ต.ท.ปรีชา ชูตินันท์ (ยศในขณะนั้น) ปรากฏว่าจ.ส.อ.จักรภพเป็นจำเลยเพียงคนเดียวที่ไม่มา ศาลจึงอนุมัติออกหมายจับ

ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์พยานและหลักฐานที่โจทก์ยื่นให้ เห็นว่ามีมูลจึงรับฟ้อง

จำเลยรวม 8 คน คือจำเลยที่ 1, 2, 3, 4, 6, 7, 11 และ 12 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 90, 91, 288, 289, 309 วรรคสอง 365 และ 157 แต่ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลย 4 คน คือ พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์, พ.ต.ท.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ พล.ต.ต.ปานศิริ ประภาวัติ และ พล.ต.ต.วันชัย ถนัดกิจ เพราะไม่มีพยานหลักฐานหาหรือมูลเหตุเพียงพอที่จะรับฟ้องทางคดี หลังจากฟังคำพิจารณารับฟ้องของศาลเสร็จสิ้น นายยงยุทธ ติยะไพรัช พร้อมกลุ่มทั้งหมดได้รีบเดินทางกลับทันที 

เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกลุ่มบุคคลทั้งหมดในข้อหาพยายามฆ่า บุกรุก และเป็นข้าราชการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2547 เวลาก่อนเที่ยงคืน จำเลยทั้ง 12 คนกับพวกอีก 50 คน มีอาวุธปืนครบมือร่วมกันทำลายประตูรั้วบ้านเลขที่ 25/2 ม.4 ต.เชียงรากน้อย อ.บางไทร แล้วใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปในบ้านดังกล่าวประมาณ 200 นัด โดยเจตนาฆ่า แต่โจทก์และสามี (นายนิสัย ศตะกูรมะ) ที่หลบอยู่หน้าตู้เย็นขนาด 18 คิว กระสุนปืนจึงไม่ถูกโจทก์และสามี แต่ทำให้ตู้เย็นที่ใช้เป็นที่กำบังพรุนเป็นรูกระสุนนับไม่ถ้วน

โจทก์ระบุว่า การยิงดังกล่าวเป็นการยิงโดยไม่มีเหตุอันควร อีกทั้งจำเลยทั้งหมดกับพวกบุกรุกเข้าไปในบ้าน อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ โดยปกติสุขแล้วใช้อาวุธปืนจี้บังคับโจทก์และสามีให้นั่งรวมกัน แล้วจำเลยทั้งหมดกับพวกร่วมกันค้นหาสิ่งของผิดกฎหมายโดยวิธีการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้โจทก์และสามีได้รับความเสียหาย

นางอุดม ศตะกูรมะ กล่าวว่า

รู้สึกดีใจที่ศาลรับฟ้องคดีนี้ ก่อนหน้านี้มีจดหมายส่งมาข่มขู่ที่บ้านให้ถอนฟ้อง ซึ่งตนไม่ถอนคดีเด็ดขาด ขณะนี้สามีได้ไปพักบ้านลูกสาวที่ต่างจังหวัด แต่ระยะหลังเกิดความกลัว จึงได้หลบหนีเข้าไปอยู่ในป่า ไม่ยอมติดต่อกับใครนอกจากคนในครอบครัว ที่น่ากลัว คือทนายที่ทำเรื่องนี้ให้กับตนเป็นของสภาทนายความ มีจำนวน 5 คน ปรากฏว่า ทนาย 3 คนได้ถอนตัวออกไปแล้ว แต่ก็ยังดีใจที่ยังมีทนายอีก 2 คนที่ยืนยันว่าจะต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมต่อไป