สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 ส.ค. สหภาพแรงงานร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดของสหรัฐเผยว่า พนักงานร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดกว่า 1,000 สาขาใน 60 เมืองใหญ่ทั่วประเทศ รวมถึงในนครนิวยอร์ก เมืองชิคาโก เมืองบอสตัน และนครลอสแองเจลิส ร่วมกันผละงานประท้วงเป็นเวลา 1 วัน เพื่อเรียกร้องให้มีการปรับอัตราค่าจ้าง เป็นชั่วโมงละ 15 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 481.5 บาท ) จากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 7.25 ดอลลาร์สหรัฐต่อชั่วโมง ( ราว 232.8 บาท ) ซึ่งเป็นอัตราที่ปรับขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 2552 หรือช่วงที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐสมัยแรก
ทั้งนี้ ผู้ร่วมชุมนุมส่วนใหญ่กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ค่าตอบแทนไม่เพียงพอที่จะใช้เป็นค่าครองชีพในแต่ละเดือน บางครั้งต้องยอมทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ แต่มีรายได้ตลอดทั้งปีเพียง 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 481,500 บาท ) หากมีครอบครัวด้วย รายได้เพียงเท่านี้ถือว่าน้อยมาก
ด้านบริษัท "แม็คโดนัลด์" และ "เบอร์เกอร์คิง" 2 ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารฟาสต์ฟู้ดชื่อดังระดับโลก ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหรัฐ ต่างออกแถลงการณ์ที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกันว่า บริษัทไม่ได้รับผิดชอบการจ่ายค่าแรงของลูกจ้างร้านอาหารฟาสด์ฟู้ดในสหรัฐ ที่เปิดดำเนินการในลักษณะของธุรกิจรายย่อย หรือแฟรนไชส์ พร้อมกับแย้งว่า การปรับขึ้นค่าแรงอาจส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายโดยรวมขององค์กร