จนท.ชี้ สองพี่น้องซาร์นาเยฟอาจกำลังวางแผนโจมตีเพิ่ม
ผู้บัญชาการตำรวจบอสตัน เปิดเผยว่า สองพี่น้องที่ต้องสงสัยว่าวางระเบิดที่งานบอสตัน มาราธอน อาจกำลังวางแผนโจมตีเพิ่มอีก
นายเอ็ด เดวิส เปิดเผยว่า นายโจฮาร์และนายทาเมอร์ลัน ซาร์นาเยฟ ได้ผลิตระเบิดและระเบิดมือด้วยตนเองที่บ้าน ที่ใช้ปาใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจขณะที่ทั้งสองกำลังจนมุม ขณะที่ทีมเจ้าหน้าที่กำลังรอคำตอบจากนายโจฮาร์ ซึ่งยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
ด้านสถานีข่าวโทรทัศน์เอบีซีและเอ็นบีซีทวีตผ่านทวิตเตอร์ว่า นายโจฮาร์ ซาร์นาเยฟ ผู้ต้องสงสัยระเบิดงานบอสตันมาราธอนวัย 19 ปี ฟื้นแล้วและสามารถตอบคำถามผ่านการเขียน หลังจากถูกยิงบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถพูดได้
นายเดวิส กล่าวในรายการ Face the Nation ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสว่า มีเหตุผลที่เชื่อได้ โดยอ้างอิงจากหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุว่า ระเบิดและส่วนประกอบของระเบิดที่ยังไม่ระเบิด กว่า 250 ชิ้น ทำให้เชื่อได้ว่าพวกเขากำลังจะก่อเหตุโจมตีอีก รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆที่พบในรถยนต์ที่ทั้งคู่จี้ชิงมา และเตรียมสืบหาต้นทางและที่มาของอุปกรณ์เหล่านี้ว่ามาจากที่ใด
โดยในขณะนี้ นายซาร์นาเยฟรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู โรงพยาบาลเบธ อิสราเอล ดีโคเนส เมืองบอสตัน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด สามารถตอบสนองได้เป็นระยะๆ โดยเขียนคำตอบข้อถามของเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย ก่อนหน้านี้นายเดวิส เผยกับสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสว่า นายซาร์นาเยฟถูกกระสุนยิงเข้าปากทะลุออกคอ และถูกยิงบาดเจ็บที่ขา
ด้านหน่วยสอบปากคำผู้ถูกคุมขังความสำคัญสูง ที่เชี่ยวชาญในการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยกลุ่มก่อการร้าย กำลังรอสอบปากคำนายซาร์นาเยฟ เพื่อหวังทราบถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุ หรือทราบว่าทั้งคู่ได้รับความช่วยเหลือจากนอกประเทศหรือไม่ อย่างไรก็ดี นายทอม เมนิโน นายกเทศมนตรีเมืองบอสตัน เปิดเผยว่า ยังไม่ทราบว่าเมื่อใดจะสามารถสอบปากคำผู้ต้องสงสัยได้
ด้านการสืบสวนสอบสวนในขณะนี้มุ่งไปที่นายทาเมอร์ลัน ผู้ต้องสงสัยผู้พี่วัย 26 ปี ที่เสียชีวิตในเหตุยิงปะทะกับตำรวจเมื่อคืนวันพฤหัสบดีในย่านวอเตอร์ทาวน์ ทางการสหรัฐฯกำลังหาข้อมูลการเดินทางของเขาไปกรุงมอสโกของรัสเซียเมื่อเดือน มกราคมปีที่แล้ว และพักอยู่ที่นั่นนาน 6 เดือน และเรื่องกลุ่มแยกดินแดนเชเชน ว่ามีอิทธิพลต่อความคิดหรือช่วยสองพี่น้องนี้ก่อเหตุหรือไม่
สองพี่น้องซาร์นาเยฟย้ายจากรัฐดาเกสถานของรัสเซียเข้ามาอยู่ในสหรัฐฯ เมื่อ 10 ปีก่อน ทางการรัสเซียเคยแจ้งเรื่องนายทาเมอร์ลันกับทางการสหรัฐ และสำนักสอบสวนกลางสหรัฐ (เอฟบีไอ) เคยสอบถามเขาเมื่อปี 2011 แต่ไม่พบเห็นสัญญาณอันตรายใดๆ