ออสเตรเลียปฏิเสธคำร้องเกาหลีเหนือขอเปิดสถานทูต
สำนักข่าวเอพีและเอเอฟพีรายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ว่า ทางการออสเตรเลียปฏิเสธคำร้องขอเปิดสถานเอกอัครราชทูตประจำกรุงแคนเบอร์ราของเกาหลีเหนือ เพื่อเป็นการตอบโต้การที่รัฐบาลเปียงยางทดลองยิงระเบิดนิวเคลียร์เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) เตรียมเพิ่มชื่อพ่อค้าอาวุธเกาหลีเหนือ 2 คน ลงในรายชื่อผู้ถูกคว่ำบาตร
แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลียระบุ แม้ทางการเกาหลีเหนือจะยื่นหนังสือแสดงความจำนงต่อรัฐบาลแคนเบอร์ราเมื่อเดือนม.ค. เพื่อขอเปิดดำเนินการสถานเอกอัครราชทูตอีกครั้ง หลังต้องปิดตัวลงไปครั้งหนึ่งเมื่อปี 2551 ด้วยปัญหาด้านการเงิน ทว่าการที่รัฐบาลเปียงยางเจตนาฝ่าฝืนมติของยูเอ็นเอสซี ด้วยการทดลองยิงระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ถือเป็นจุดพลิกผันสำคัญที่ทำให้ทางการออสเตรเลียเปลี่ยนการตัดสินใจปฏิเสธการออกหนังสืออนุญาตดังกล่าว แม้จะเคยยอมรับก่อนหน้านี้ว่า การอนุญาตให้ทางการเปียงยางเปิดดำเนินการสถานเอกอัครราชทูตบนแผ่นดินออสเตรเลีย อาจเป็นช่องทางที่ดีในการแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือได้ก็ตาม
ทั้งนี้ ออสเตรเลียและเกาหลีเหนือสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตครั้งแรกเมื่อเดือนก.ค. 2517 โดยรัฐบาลเปียงยางเปิดสถานเอกอัครราชทูตที่กรุงแคนเบอร์ราทันทีเมื่อเดือนธ.ค.ปีเดียวกัน ขณะที่ทางการออสเตรเลียเปิดสถานเอกอัครราชทูตในเกาหลีเหนือในอีก 1 ปีถัดมา
ทว่าเกาหลีเหนือกลับสั่งขับไล่นักการทูตของออสเตรเลียทั้งหมดออกจากประเทศทันทีในอีก 6 เดือนให้หลังอย่างไร้เหตุผล ส่งผลให้ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้ง 2 ชาติสิ้นสุดลงโดยปริยาย ก่อนจะมีการกลับมาฟื้นฟูความสัมพันธ์ใหม่เมื่อ 13 ปีก่อน
ขณะที่ยูเอ็นเอสซีเตรียมประกาศบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมต่อเกาหลีเหนือภายในปลายสัปดาห์นี้ โดยอาศัยเนื้อหาจากร่างมติที่ร่วมเสนอโดยสหรัฐกับจีน ซึ่งคาดว่านอกจากจะมีเนื้อหาเพิ่มความเด็ดขาดในการคว่ำบาตรต่อหน่วยงาน และเจ้าหน้าที่ในสังกัดรัฐบาลเปียงยางแล้ว ยูเอ็นเอสซีเตรียมเพิ่มชื่อนายยอน ชอง-นัม ประธานบริษัทธุรกิจพัฒนาเหมืองแร่แห่งเกาหลี ( เคโอเอ็มไอดี ) พ่อค้าอาวุธรายใหญ่ของเกาหลีเหนือ พร้อมผู้ช่วยคือนายโก ชอล-แร เข้าไปในรายชื่อบุคคลที่จะถูกลงโทษคว่ำบาตรในมติครั้งใหม่นี้ด้วย