วันนี้ ( 28 ม.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลียว่า
อุทกภัยครั้งใหญ่ที่กำลังสร้างความเสียหายให้แก่พื้นที่ใน 2 รัฐทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย ยังผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 3 ศพ ขณะที่กระแสน้ำยังคงไหลเอ่อล้นตลิ่งเข้าสร้างความเสียหายให้แก่บ้านเรือนประชาชน และพื้นที่การเกษตรอย่างต่อเนื่อง
นายแคมเบลล์ นิวแมน นายกรัฐมนตรีรัฐควีนส์แลนด์ แถลงในวันนี้ว่า
เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 2 ศพลอยมาตามกระแสน้ำ โดยศพหนึ่งพบในเมืองบริสเบน เมืองหลวงของรัฐควีนส์แลนด์ ส่วนอีก 1 ศพพบในเมืองกิมปี เมื่อรวมกับการพบศพชายชราในเขตเบอร์เน็ตต์ เฮดส์ ใกล้กับเมืองบันดาเบิร์ก ที่มีพลเมืองกว่า 50,000 คน ห่างจากเมืองบริสเบนไปทางตอนเหนือราว 360 กิโลเมตร ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่อย่างน้อย 3 ศพแล้ว
ทั้งนี้ สาเหตุของอุทกภัยครั้งใหญ่มาจากอิทธิพลรุนแรงของพายุไซโคลน “ออสวาลด์”
ที่ทำให้บ้านเรือนในเมืองบันดาเบิร์กกว่า 2,000 หลังต้องจมอยู่ใต้น้ำ ส่งผลให้ประชาชนอีกจำนวนมากต้องอพยพขึ้นไปอาศัยบ้านหลังคาบ้านพัก ซึ่งนิวแมนยืนยันว่า ได้เร่งส่งเจ้าหน้าที่ออกไปให้ความช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนทุกคนโดยเร็วที่สุด หลังได้รับรายงานระดับน้ำในแม่น้ำเบอร์เน็ตต์ เพิ่มสูงขึ้นเป็นกว่า 9 เมตร และประชาชนกว่า 2.5 แสนครัวเรือนขาดแคลนกระแสไฟฟ้าใช้
อย่างไรก็ตาม กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากกลายเป็นอุปสรรคของเจ้าหน้าที่ในการส่งเรือออกลาดตระเวน
เช่นเดียวกับสภาพทัศนะวิสัยที่เลวร้าย โดยมีกระแสลมเป็นตัวแปร สร้างความลำบากให้แก่การให้ความช่วยเหลือทางอากาศไม่น้อย แต่ทางการรัฐควีนส์แลนด์ได้รับความสนับสนุนจากกองทัพบกในการส่งทหาร 100 นาย และเครื่องบินลำเลียงกำลังพลอีก 2 ลำแล้ว
ขณะที่เทศบาลเมืองบริเสบนออกประกาศเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัย โดยมีบ้านเรือนกว่า 3,000 หลัง และอาคารพาณิชย์อีกกว่า 1,250 แห่งตกอยู่ในความเสี่ยง
นอกจากนี้ ยังมีรายงานการเกิดอุทกภัยในแถบชนบทของรัฐนิวเซาท์เวลส์ สาเหตุจากฝนที่ตกกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสำนักงานอุตุนิยมวิทยาท้องถิ่นพยากรณ์ว่า ปริมาณน้ำฝนในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้าอาจสูงหลายสิบเซนติเมตร โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองซิดนีย์