ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐสังกัดพรรคเดโมแครต และนายมิตต์ รอมนีย์
ผู้ท้าชิงตำแหน่งจากพรรครีพับลิกันเริ่มเข้าสู่การโต้วาทีนัดแรกในคืนวันพุธตามเวลาท้องถิ่น หรือประมาณ 08.00 น.ตามเวลาในไทย ซึ่งการโต้วาทีนัดแรกนี้อาจทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นว่าประธานาธิบดีโอบามาจะมีคะแนนนำโด่งหรือนายรอมนีย์จะมีโอกาสตีตื้นขึ้นมาได้
การดีเบตครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด
ซึ่งใช้เวลา 90 นาที ระหว่างประธานาธิบดีบารัก โอบามา ตัวแทนของพรรคเดโมแครต และนายมิตต์ รอมนีย์ ผู้ท้าชิงจากพรรครีพับลีกัน เปิดฉากขึ้นแล้ว ท่ามกลางผู้ชมหลายล้านคน โดยมีผู้ดำเนิน รายการ คือ จิม เลห์เรอร์ พิธีกรจากรายการ “นิวส์ อาวร์” ทางสถานีโทรทัศน์ พีบีเอส ทำหน้าที่ดำเนินรายการ โดยแบ่งออกเป็น 6 ช่วง ช่วงละ 15 นาที และประธานาธิบดีโอบามากับนายรอมนีย์ มีเวลาในการตอบคำถามแต่ละคำถามครั้งละ 2 นาที ตอนที่ประธานาธิบดีโอบามาและนายรอมนีย์ เผชิญหน้ากันบนเวที พวกเขาได้จับมือกัน ก่อนจะดีเบตครั้งแรกจากทั้งหมด 3 ครั้ง
ส่วนนายรอมนีย์ ได้เริ่มต้นด้วยการกล่าวหานโยบายของประธานาธิบดีโอบามาว่า ล้มเหลว และไม่สมควรจะอยู่ในตำแหน่งต่อเป็นสมัยที่สอง
ขณะที่โอบามาโต้ว่า เขาต่างหากที่ช่วยปกป้องเศรษฐกิจถดถอย ที่เป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่สมัยจอร์จ ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีของรีพับลีกัน และรอมนีย์จะทำให้นโยบายในยุคบุชหวนกลับมาอีก และนำไปสู่วิกฤตการเงินและเกื้อหนุนคนรวย ทำร้ายคนจนและชนชั้นกลาง
ทั้งโอบามา และเลห์เรอร์ ดูเหมือนจะกดดันรอมนีย์ เกี่ยวกับเรื่องที่หลุดความเห็นเกี่ยวกับ คนอเมริกัน ในเทปลับอื้อฉาว
ที่เขาบอกว่า คนอเมริกัน 47 เปอร์เซ็นต์ คิดว่าพวกเขาเป็นผู้เคราะห์ร้าย ที่ต้องพึ่งพารัฐบาลและไม่ยอมรับผิดชอบชีวิตตนเอง ความสนใจในตัวผู้ดีเบต ยังมีแนวโน้มไปที่บุคลิกท่าทาง หรือความสามารถในการตอบโต้ และมุ่งไปที่สไตล์และภาษากาย ซึ่งรอมนีย์ถูกมองว่า เป็นคนที่มีบุคลิกแข็งและห่างเหิน แต่โอบามาดูอบอุ่นและติดดินเหมือนคนอเมริกันทั่วไป และผลสำรวจก็ยังชี้ว่า คนยังคาดหวังไว้สูงกับโอบามา แต่ยิ่งคาดหวังสูง ก็ยิ่งหมายความว่า ถ้าการดีเบตครั้งนี้ของโอบามาไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ควร ความเสียหายก็จะตกกับเขามากกว่ารอมนีย์