จับเจ้าของจีที 200 ขึ้นศาลข้อหาฉ้อโกง

ตร.อังกฤษจับเจ้าของบริษัทผลิตเครื่องตรวจวัตถุระเบิด "จีที 200" ขึ้นศาล แจ้งข้อหาฉ้อโกง 6 กระทง หลังสอบสวนนานกว่า 2 ปีครึ่งจนได้หลักฐานแน่น

เว็บไซต์สำนักข่าวบีบีซี และเดอะการ์เดียน รายงานเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมาว่า นายจิม แมคคอร์มิค นักธุรกิจ และผู้ประดิษฐ์อุปกรณ์ตรวจวัตถุระเบิดรุ่น "เอดีอี 651" และเครื่องตรวจวัตถุระเบิดรุ่น "จีที 200" ซึ่งกองทัพบกไทย และอีกหน่วยเคยจัดซื้อเพื่อตรวจวัตถุระเบิด และสารเสพติดอย่างแพร่หลายถูกแจ้งข้อหาฉ้อโกงอย่างเป็นทางการแล้ว

เว็บไซต์ของบีบีซี และเดอะการ์เดี้ยน รายงานตรงกันว่า นายแมคคอร์มิค ผู้อำนวยการบริษัทเอทีเอสซี

ซึ่งมีสำนักงานในเขตซอมเมอร์เซ็ต และเป็นผู้จำหน่ายเครื่องตรวจวัตถุระเบิดรุ่นเอดีอี 651 และจีที 200 ให้แก่กองทัพกว่า 20 ประเทศ โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง เช่น อิรัก และอัฟกานิสถาน โดยเฉพาะรัฐบาลอิรัก ซึ่งใช้งบประมาณถึง 85 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,500 ล้านบาท) เพื่อจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดรุ่นดังกล่าว รวมทั้งค่าฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจในกรุงแบกแดดเพื่อตรวจค้นวัตถุระเบิดในยานพาหนะ

รวมทั้งกองทัพบกไทย และหน่วยงานรัฐอีกหลายแห่ง
 
โดยสำนักข่าวบีบีซีได้ตีแผ่ว่าเครื่องตรวจวัตถุระเบิดรุ่นนี้ใช้ไม่ได้ผลจริงทำให้รัฐบาลอังกฤษสั่งห้ามส่งออกไปอิรักและอัฟกานิสถาน ส่งผลให้นายแมคคอร์มิคถูกจับกุมโดยทางการอังกฤษเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ.2553 แต่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวออกมาต่อสู้คดีมานานประมาณ 2 ปีครึ่ง

เว็บไซต์ข่าวชื่อดังของอังฤษรายงานอีกว่า ในที่สุดผลการสอบสวนขยายผลในระดับระหว่างประเทศ
 
ซึ่งกินเวลานานถึง 30 เดือน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีพยานหลักฐานมากพอที่จะแจ้งข้อหานายแมคคอร์มิครวม 6 ข้อหา เช่น ข้อหาฉ้อโกง รวมทั้งข้อหาผลิตและขายอุปกรณ์ทั้งที่รู้ว่าออกแบบมาหรือประยุกต์เพื่อการฉ้อโกง โดยนายแมคคอร์มิคมีกำหนดไปขึ้นศาลกรุงลอนดอนเพื่อรับฟังข้อกล่าวหาในวันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม ตามเวลาท้องถิ่นของอังกฤษ โดยเครื่องตรวจวัตถุระเบิดรุ่นที่ถูกแจ้งข้อหาได้แก่ เอดีอี 651, เอดีอี 650 และเอดีอี 101 ซึ่งนายแมคคอร์มิคขายอุปกรณ์ตรวจระเบิดเหล่านี้ในราคา 1.8 หมื่น-6.6 หมื่นดอลลาร์ (หรือประมาณ 6 แสน-2 ล้านบาทต่อเครื่อง)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องตรวจวัตถุระเบิดรุ่นจีที 200 ซึ่งเป็นสินค้าจากบริษัทของนายแมคคอร์มิค
 
เป็นเครื่องตรวจวัตถุระเบิดที่มีหลักการการทำงานเช่นเดียวกับเครื่องตรวจวัตถุระเบิดรุ่นเอดีอี 651 ที่นิยมใช้ตรวจวัตถุระเบิดที่ซุกซ่อนอยู่ในพาหนะในประเทศอิรัก และอัฟกานิสถาน ซึ่งมักเกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ขึ้นบ่อยครั้ง แต่ภายหลังมีการตั้งข้อสังเกตว่า แม้จะมีการใช้เครื่องตรวจวัตถุระเบิดรุ่นเอดีอี 651 ทำการตรวจสอบยานพาหนะอย่างละเอียด แต่ก็ยังมีเหตุคาร์บอมบ์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในอิรัก และอัฟกานิสถาน จึงมีการตั้งข้อสังเกตกันว่า เครื่องตรวจวัตถุระเบิดรุ่นดังกล่าวสามารถใช้ได้จริงหรือไม่ กระทั่งสำนักข่าวบีบีซีได้เชิญนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศอังกฤษมาทำการผ่าพิสูจน์เอดีอี 651 และพบว่าด้านในของตัวเครื่องมีลักษณะกลวง ไม่มีแผงวงจรไฟฟ้าหรืออิเล็กทรอนิกส์สำหรับจ่ายพลังงาน และระบุว่า หลักการทำงานของตัวเครื่องมีลักษณะของการเดาสุ่ม ไม่ต่างจากไม้ล้างป่าช้า

ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ "คม ชัด ลึก" ได้จับตาความผิดปกติในการตรวจจับวัตถุระเบิด

ของเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 มาตั้งแต่เหตุระเบิดในตลาดสดที่ จ.ยะลา และข้างโรงแรมเมอร์ลิน จ.นราธิวาส ตั้งแต่เมื่อเดือนตุลาคม 2552 ซึ่งก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ใช้จีที 200 ตรวจสอบพื้นที่ รวมทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์อย่างละเอียด ซึ่งไม่พบวัตถุระเบิด แต่ปรากฏว่าได้เกิดเหตุระเบิดตามมาทั้ง 2 ครั้ง

เจ้าหน้าที่ระบุว่า สาเหตุเกิดจากความอ่อนเพลีย ทำให้ไฟฟ้าสถิตในมือของเจ้าหน้าที่ส่งพลังงานไปยังตัวเครื่องไม่เต็มที่

กระทั่งข่าวบีบีซีเริ่มเปิดประเด็นเดียวกันในต้นปี 2553 โดยพุ่งเป้าไปที่เครื่องตรวจวัตถุระเบิดที่มีลักษณะการทำงานแบบเดียวกันคือ ใช้มือจับพลาสติก มีเสาอากาศ ใช้การ์ดหลายแบบ และใช้พลังงานจากไฟฟ้าสถิต นอกจากนี้ กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ในห้องหว้ากอ ในเว็บไซต์พันทิป ก็ได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงหลักการใช้พลังงานจากไฟฟ้าสถิตว่าไม่น่าจะมีพลังงานมากพอที่จะค้นหาวัตถุระเบิด หรือวัตถุต้องสงสัยอื่นๆ เช่น สารเสพติดได้ โดยนายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกลุ่มนักวิชาการที่มีความคิดเห็นสอดคล้องกันได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า เครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 ที่เป็นเครื่องตรวจวัตถุระเบิดหลักในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สามารถใช้งานได้จริงหรือไม่

ขณะที่กองทัพ โดยเฉพาะกองทัพบกที่จัดซื้อเครื่องมือรุ่นนี้มาใช้ตรวจวัตถุระเบิดได้ออกมาตอบโต้อย่างรุนแรง โดยยืนยันว่าเครื่องดังกล่าวสามารถตรวจจับได้จริงจากผลงานที่ผ่านมา และพร้อมที่จะพิสูจน์ประสิทธิภาพการใช้งาน