เมื่อ 13 มิ.ย. เอเอฟพีรายงานความคืบหน้าศึกศาสนาระหว่างชุมชนพุทธและมุสลิมโรฮิงยาในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของพม่า ติดชายแดนบังกลาเทศ
ว่ายอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 25 รายและบาดเจ็บ 41 คน ว่าหลังจากรัฐบาลบังกลาเทศส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงยาหลายร้อยคนกลับพม่าเพราะเกรงว่าถ้ารับไว้จะกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ล่าสุดเจ้าหน้าที่บังกลาเทศพบทารกเพศหญิงอายุ 6 สัปดาห์ ถูกทิ้งอยู่เพียงลำพังในเรือที่ลอยลำในแม่น้ำนาฟที่กั้นพรมแดน คาดว่าพ่อแม่พาหนีข้ามมา แต่ไม่แน่ชัดว่าพ่อแม่เด็กไปอยู่ที่ใด เจ้าหน้าที่จึงนำเด็กไปฝากให้ครอบครัวชาวบังกลาเทศดูแลชั่วคราว
พลตรีชาฟิกร์ ราห์มัน ผู้รับผิดชอบปฏิบัติการส่งเรือผู้ลี้ภัยชาวพม่ากลับประเทศ กล่าวว่า
หน่วยลาดตระเวนพบเรือลอยเคว้งคว้างกลางแม่น้ำเมื่อเวลา 02.00 น.ของคืนวันอังคาร ดูภายนอกไม่พบคนโดยสาร เมื่อเข้าตรวจค้นจึงพบทารกเพศหญิงชาวโรฮิงยาอายุราวเดือนกว่าในสภาพอ่อนแอนอนอยู่คนเดียว โดยยังพบอาหารและสัมภาระอื่นๆ แต่ไม่แน่ชัดว่าทำไมจึงไม่มีผู้โดยสารคนอื่น เป็นไปได้ว่าชาวโรฮิงยาบนเรืออาจหนีไปแล้วหรือถูกปล้นสะดมหรือถูกโจมตี
ด้านนายคาบีร์ อาเหม็ด ชาวประมงวัย 53 ปี คุณพ่อลูกหกจากหมู่บ้านโกลาร์พารา หัวหน้าครอบครัวที่รับดูแลทารก กล่าวว่า เด็กป่วยมาก ไม่รู้ว่าอยู่บนเรือนานแค่ไหน ยามชายฝั่งช่วยดูแลเด็กมาบ้างแล้ว ส่วนครอบครัวตนหานมให้เด็กกิน ขอให้ทุกคนช่วยกันสวดมนต์ให้เด็กปลอดภัย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันจันทร์ หน่วยลาดตระเวนของบังกลาเทศส่งเรือผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงยากลับประเทศแล้ว 16 ลำ มีชาวโรฮิงยากว่า 660 คน
ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก รวมถึงครั้งล่าสุดที่ส่งกลับช่วงเช้าวันพุธอีก 109 คน รัฐบาลบังกลาเทศชี้แจงว่าไม่สามารถรับผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงยาจากพม่าได้ เนื่องจากมีภาระดูแลผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงยาอยู่แล้วราว 300,000 คนที่อาศัยอยู่ภาคตะวันออกเฉียงใต้มานานหลายสิบปี แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงยูเอ็นเอชซีอาร์ ขอร้องให้บังกลาเทศเปิดพรมแดนรับไว้ก็ตาม
เด็กโรฮิงยาลี้ภัยถูกทิ้งกลางน้ำ
ยกมือไหว้ร่ำไห้นั่งเรือข้ามฝั่งมายังบังกลาเทศ แต่ถูกปฏิเสธ