วันนี้ (22 พ.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า
มีชายผู้หนึ่งรอดชีวิตมาได้จากน้ำตกไนแองการ่าในระดับความสูง 53 เมตร หรือ 174 ฟุต เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตำรวจของอุทยานไนแองการ่า ประเทศแคนาดา เปิดเผยว่า ชายผู้นี้อายุประมาณ 30-40 ปี พยายามฆ่าตัวตายโดยปีนข้ามกำแพงกั้นสูง 7 เมตร เพื่อไปยืนอยู่บนขอบหน้าผา เพื่อจงใจกระโดดลงมาในกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากของน้ำตกไนแองการ่า เมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา จากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมา ร่างของเขาก็โผล่ขึ้นมาบริเวณอ่างด้านล่างของแม่น้ำไนแองการ่า ใกล้กับจุดชมวิว นับเป็นคนที่ 3 แล้วที่รอดชีวิตมาได้จากน้ำตกไนแองการ่า โดยไม่มีอุปกรณ์ช่วยป้องกันแต่อย่างใด
แต่การช่วยชีวิตเขานั้น ต้องกินเวลานานถึง 30 นาที มีหลายหน่วยงานเข้ามาดำเนินการช่วยเหลือ เพราะเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
ต้องรีบนำตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์พยาบาล นำส่งโรงพยาบาลในเมืองแฮมิลตัน รัฐออนตาริโอของแคนาดา เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ส่วนตำรวจก็ต้องสอบสวนหาสาเหตุต่อไปว่า เหตุใดชายผู้นี้ถึงได้กระโดดลงไปในกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากของน้ำตกไนแองการ่า
น้ำตกไนแองการ่า หรือน้ำตกเกือกม้าในฝั่งของแคนาดา ซึ่งติดกับสหรัฐ
เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่ได้รับความนิยมระดับโลก มีน้ำไหลผ่านน้ำตกในระดับความเร็ว 2.6 ล้านลิตรต่อวินาที มีน้ำตกขนาดใหญ่ 2 แห่งอยู่ติดกัน คือในส่วนของแคนาดากับอเมริกัน หลายสิบปีก่อน มีผู้พยายามท้ามฤตยูโดดลงไปในน้ำ แม้จะมีเครื่องป้องกันหรือไม่ก็ตาม แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเสียชีวิต ดังนั้นจึงต้องมีการออกกฎหมาย ห้ามกระทำการเสี่ยงตายเช่นนั้นอีกต่อไป หากจับได้จะถูกลงโทษปรับหรือไม่ก็จำคุก