ปัจจุบันการสักไม่ได้เป็นเรื่องที่เลวร้ายเหมือนในอดีต เนื่องจากการสักถูกนับรวมเป็นหนึ่งในศิลปะแขนงหนึ่ง อีกทั้งผู้คนจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไป นักกีฬา นักแสดง นักดนตรี จำนวนมากก็มีรอยสักติดตัวจนเป็นเรื่องปกติ แต่ถึงกระนั้นในสังคมญี่ปุ่นยังคงมีร่องรอยของการต่อต้านการมีรอยสักให้เห็นอยู่ ซึ่งเห็นได้ผู้ให้บริการโรงอาบน้ำสาธารณะหรือสระว่ายน้ำที่ไม่อนุญาตให้ผู้มีรอยสักเข้าใช้บริการ
โดยผลการตัดสินล่าสุดของศาลญี่ปุ่นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (27 กันยายน) ได้อ่านคำพิพากษาพร้อมกับระบุว่า ช่างสักในญี่ปุ่นจะต้องมีใบอนุญาตทางการแพทย์ ซึ่งการตัดสินครั้งนี้นับเป็นคำตัดสินคดีความเกี่ยวกับรอยสักเป็นครั้งแรกในญี่ปุ่น
ทั้งนี้คดีความเกี่ยวกับการสักควรเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมายในญี่ปุ่นเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมานาน เนื่องจากในปี 2015 ตำรวจได้เข้าไปบุกจับตัวไทกิ มาซึดะ ช่างสักถึงสตูดิโอส่วนตัว ซึ่งทางตำรวจให้เหตุผลในการจับครั้งนี้ว่า มาซึดะไม่มีใบอนุญาตทางการแพทย์ ต่อจากนั้นมาซึดะก็ได้ต่อสู้กับเรื่องนี้มาตลอด พร้อมกับเชื่อมั่นทางความคิดว่า การสักมันเป็นเรื่องของศิลปะไม่ใช่เรื่องทางการแพทย์ กระทั่งมีคำตัดสินของศาลให้มาซึดะมีความผิดในท้ายที่สุด
อย่างไรก็ตาม ทากาอากิ นากาเสะ ผู้พิพากษาในคดีนี้ระบุว่า การสักยังต้องใช้ใบอนุญาตทางการแพทย์ เพราะการสักสามารถก่ออันตรายต่อสุขภาพ เช่น แบคทีเรียหรือเชื้อไวรัสสามารถซึมผ่านร่างกายได้ อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคทางผิวหนัง แน่นอนว่า มาซึดะในฐานะจำเลยคดีนี้จะต้องถูกปรับเงินเป็็นจำนวน 1.5 แสนเยน (ราว 45,000 บาท)
สำหรับสาเหตุที่คนญี่ปุ่นยังมีมุมมองในแง่ลบต่อการสักเป็นเพราะว่าผู้คนมีความเข้าใจว่าคนที่มีรอยสักเป็นกลุ่มคนที่มีความเกี่ยวข้องกับยากูซ่าหรือกลุ่มอาชญากรรม จึงเกิดความรู้สึกที่ต่อต้าน กระทั่งทำให้ผู้ที่ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการสักกลายเป็นอาชีพที่ผิดกฎหมายในญี่ปุ่น