เดอะซันและเมล์ออนไลน์ รายงานคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฝรั่งเศสที่เข้าช่วยเจ้าหญิงไดอานา ในนาทีรถยนต์พระที่นั่งชนเข้าอย่างแรงที่กำแพงอุโมงค์ถนนอัลมา ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในวาระรำลึกถึงวันสิ้นพระชนม์ครบ 20 ปี เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2540
นายสิบ ซาวิเยร์ กูร์เมยง วัย 50 ปี สมาชิกหน่วยกู้ภัยที่ผ่านการฝึกปฐมพยาบาล เป็นหน่วยแรกที่เข้าถึงจุดอุบัติเหตุร้ายแรงกับรถยนต์พระที่นั่งยี่ห้อเมอร์ซิเดส เบนซ์ และรีบปั๊มหัวใจให้เจ้าหญิงไดอานาซึ่งทรงสลบให้กลับมาหายใจได้อีกครั้ง
หนุ่มกู้ภัยเล่านาทีปั๊มหัวใจเจ้าหญิงไดอานากลับมาเต้นอีกครั้ง
-----
นายสิบกูร์เม-ยงกล่าวว่า จังหวะที่เจ้าหญิงกลับมาหายใจอีกครั้ง พระองค์ทรงพูดภาษาอังกฤษ ซึ่งพอฟังออกว่า Oh my God, what's happened? (โอ้พระเจ้า เกิดอะไรขึ้น) ตนจึงพยายามปลอบให้ผู้บาดเจ็บให้ใจเย็นๆ แต่พูดเป็นภาษาฝรั่งเศส
"ผมเห็นแค่แผลเล็กๆบนหัวไหล่ขวาของเจ้าหญิง ทรงขยับแขนซ้าย แต่ก็ไม่เห็นบาดแผลอื่นๆ และไม่มีเลือดไหล พอหัวใจเธอกลับมาเต้นอีกครั้ง ผมเลยคิดว่าเธอคงจะรอดชีวิตแน่แล้ว แต่ภายหลังกลับมีประกาศว่า เจ้าหญิงสิ้นพระชนม์ที่โรงพยาบาล" เจ้าหน้าที่กู้ภัยกล่าว
"ครั้งแรกผมจำผู้บาดเจ็บไม่ได้ (ว่าเป็นเจ้าหญิงไดอานา) แต่หลังส่งขึ้นรถพยาบาลไปแล้วผมมองเข้าไปในรถอีกถึงจำหน้าได้ และผมก็ทำแบบนี้ทุกราย แต่มีสิ่งที่ผมจำได้แม่นคือผู้โดยสารสองคนที่นั่งข้างหลังไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย" นายกูร์เมยงกล่าว
ด้านนายแพทย์ เฟรเดริก มาอิลิเยซ์ หมอที่เข้ามาช่วยปฐมพยาบาลในจุดเกิดเหตุ เล่าว่าจังหวะที่เปิดซากประตูรถเบนซ์ออกมา พบว่าผู้โดยสารสองคนจากสี่เสียชีวิตคาที มีเพียงเจ้าหญิงและนายเทรเวอร์ รีส์-โจนส์ องครักษ์เท่านั้นที่ยังมีชีวิต
หมอรายนี้ไม่รู้เช่นกันว่า ผู้บาดเจ็บเป็นเจ้าหญิงไดอานา เพียงแต่สงสัยว่าทำไมถึงมีนักข่าวเยอะมากรอบๆจุดเกิดเหตุในเวลานั้น จนกระทั่งรุ่งเช้าหลังเปิดโทรทัศน์ก็เข้าใจว่าผู้บาดเจ็บคือเจ้าหญิงไดอานา
เจ้าหญิงไดอานาสิ้นพระชนม์หลังถึงโรงพยาบาลไม่นานนัก พร้อมกับนายโดดี อัลฟาเยด ทายาทมหาเศรษฐีชาวอียิปต์เจ้าของห้างฮร์ร็อดส์ในตอนนั้น ขณะที่นายอองรี ปอล คนขับรถเสียชีวิตคาที ตรวจพบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายสูงมาก มีเพียงแค่นายรีส์-โจนส์เท่านั้นที่รอดชีวิตจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น
>>>>>>>>
-----
CR::khaosod.co.th