สำนักข่าว The Sun รายงานข่าวน่าตกใจที่เกิดขึ้นที่ประเทศจีน กรณีแพทย์ผ่าตัดนำนิ่วในถุงน้ำดีจำนวนมากถึง 200 ก้อน ออกจากลำไส้ของคนไข้รายหนึ่ง ซึ่งไม่เคยกินข้าวเช้ามานานเกือบสิบปี
หญิงแซ่เฉินอายุ 45 ปี เปิดเผยว่า เธอเริ่มมีอาการปวดท้องตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน แต่เพราะกลัวการผ่าตัดจึงปล่อยทิ้งเอาไว้ กระทั่งครั้งล่าสุดจึงตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัด โดยยังยอมรับอีกว่าไม่ได้กินมื้อเช้ามานานกว่า 8 ปี และบางครั้งก็เหนื่อยเกินไปที่จะทำอาหารเย็นกินอีกด้วย
ด้านศัลยแพทย์จากโรงพยาบาลในเมืองเฮ้อโจว เปิดเผยว่า จากผลการตรวจสอบพบว่าคนไข้มีก้อนนิ่วจำนวนมากอยู่ในถุงน้ำดีและท่อน้ำดี ซึ่งเกิดจากการสะสมมาเป็นระยะเวลานานหลายปี ทำให้บางก้อนมีขนาดใหญ่เท่าไข่ไก่ โดยเป็นผลมาจากพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสมทำให้น้ำดีในกระเพาะปัสสาวะและท่อน้ำดีก่อตัวเป็นก้อนนิ่ว แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่แสดงอาการและไม่จำเป็นต้องรักษา แต่หากเมื่อไหร่ที่มีนิ่วติดอยู่ในท่อภายในถุงน้ำดีก็จะทำให้ปวดท้องอย่างหนัก และยังก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาหรือที่รู้จักกันในชื่อ โรคนิ่วในถุงน้ำดี ซึ่งในกรณีของคนไข้หญิงรายนี้เชื่อว่าสาเหตุน่าจะมาจากการที่คนไข้ไม่ได้รับประทานอาหารเช้ามาเป็นเวลานานหลายปี
สำหรับถุงน้ำดีเป็นอวัยวะเล็ก ๆ ที่อยู่ใต้ตับเป็นสถานที่เก็บกักน้ำดี ซึ่งเป็นของเหลวที่ตับผลิตขึ้นเพื่อช่วยในการย่อยไขมัน ส่วนก้อนนิ่วเกิดจากความไม่สมดุลทางเคมีของน้ำดีในถุงน้ำดี โดยส่วนมากที่พบเกิดจากระดับคอเลสเตอรอลในน้ำดีสูงเกินไป จึงทำให้คอเลสเตอรอลกลายเป็นก้อนนิ่ว