พนักงานดูแลลิฟต์สำหรับสกีรีสอร์ตแห่งหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์ พบศพชายหญิงที่สวมเครื่องแต่งกายคล้ายคนในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ที่บริเวณธารน้ำแข็งซานฟลิวรอนส่วนที่เริ่มละลายจนหดสั้นลง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทำให้อุณหภูมิบริเวณนั้นสูงขึ้น
จากตรวจสอบพบว่า ศพชายหญิงดังกล่าวคือนายมาร์เซแลง และนางฟรองซีน ดูมูแลง คู่สามีภรรยาที่สูญหายไปเมื่อ 75 ปีก่อน ขณะออกไปเลี้ยงวัวในเทือกเขาแอลป์ โดยนอกจากศพของทั้งสองแล้วยังพบสิ่งของเครื่องใช้ของผู้ตายเป็นถังน้ำ ขวดแก้ว เป้สะพายหลังและหนังสือ รวมทั้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของผู้ตายรวมอยู่ด้วย อินเดียให้ธารน้ำแข็งหิมาลัย ได้รับสถานะ "บุคคล" ตามกฎหมาย
ธรรมเนียมการเก็บศพบรรพบุรุษไว้กับบ้านของชาวตอราจา
เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ทั้งคู่พลัดตกลงไปในรอยแยกของธารน้ำแข็งเมื่อเดือนสิงหาคมปี 1942 โดยได้พบศพของทั้งสองที่ธารน้ำแข็งในเทือกเขาบริเวณสูงกว่าระดับน้ำทะเล 2,600 เมตร
เจ้าหน้าที่ระบุว่าจะมีการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลด้วยดีเอ็นเอจากศพเพื่อยืนยันอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามลูกทั้ง 7 คนของผู้ตายซึ่งต่างก็มีอายุมากแล้วบอกว่า ดีใจและโล่งใจเป็นที่สุดที่ได้พบศพของพ่อแม่ซึ่งพวกตนเฝ้าตามหามาตลอดชีวิต บุตรสาวคนเล็กของผู้ตายซึ่งขณะนี้มีอายุ 79 ปีบอกว่า กำลังวางแผนจัดงานศพที่สมเกียรติให้กับพ่อและแม่อยู่
นางสาวอูดรี ดูมูแลง บุตรคนหนึ่งของผู้ตายบอกว่า ตามปกติแล้วแม่ของเธอซึ่งเป็นครูมักจะไม่ค่อยออกไปเดินในหุบเขากับพ่อของเธอบ่อยนัก เนื่องจากตั้งครรภ์หลายครั้งติดต่อกันอยู่เป็นเวลานานหลายปี และทางเดินในหุบเขาก็เดินได้ลำบาก ตัวเธอเองเคยออกไปปีนธารน้ำแข็งมาแล้วถึง 3 ครั้งเพื่อตามหาพ่อแม่ แต่ก็ไม่พบ
เธอบอกด้วยว่า สองเดือนหลังความพยายามค้นหาตัวคู่สามีภรรยาดูมูแลงในปี 1942 ล้มเหลว ลูกที่ยังเล็กของพวกเขาทั้ง 7 คน ได้ถูกนำตัวไปมอบให้ครอบครัวอื่นรับอุปการะ "ฉันตั้งใจว่าจะแต่งสีขาวในงานศพของพ่อแม่แทนสีดำ เพราะว่าสีขาวเป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความหวังของฉันที่ไม่เคยหมดไปและเชื่อมั่นเสมอว่าวันหนึ่งต้องได้พบพวกท่าน" นางสาวดูมูแลงกล่าว
นักวิทยาศาสตร์ผู้ศึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศชี้ว่า ภาวะโลกร้อนทำให้ธารน้ำแข็งแห่งต่าง ๆ ทั่วโลกเริ่มละลายและหดสั้นลง จนมีการค้นพบซากศพของผู้ที่สูญหายไปนานหลายปีในเทือกเขาแอลป์ของยุโรปหลายครั้งเมื่อไม่นานมานี้