ภาพความวุ่นวายบนท้องถนนในกรุงฮานอยโดยเฉพาะมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งขวักไขว่เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวและชาวเวียดนามต่างคุ้นตากันเป็นอย่างดี จนเรียกได้ว่าเป็นภาพจำและเสน่ห์ทางวัฒนธรรมเมื่อนึกถึงเมืองนี้ แต่ภาพเหล่านี้อาจจะต้องหายไปในไม่ช้า เพราะวานนี้ (4 ก.ค.) สมาชิกสภากรุงฮานอยลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน 95 จาก 96 เสียง ห้ามรถจักรยานยนต์วิ่งในพื้นที่กรุงฮานอย โดยจะมีผลบังคับใช้ภายในปี 2030 ซึ่งมาตรการนี้จัดทำขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการจราจรแออัดและมลพิษทางอากาศ
อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่แสดงความไม่เห็นด้วย และมองว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะห้ามให้มีการใช้จักรยานยนต์ในเขตเมือง เพราะมันเป็นพาหนะที่ผู้คนนิยมใช้กัน เนื่องจากระบบขนส่งมวลชนในกรุงฮานอยยังด้อยประสิทธิภาพ มีประชากรเพียงร้อยละ 12 ที่เดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนสาธารณะเป็นประจำ ส่วนการก่อสร้างรถไฟฟ้าก็ล่าช้ากว่ากำหนด และรถไฟใต้ดินเองก็ไม่มีเครือข่ายในเมืองด้วยซ้ำ ทำให้จักรยานยนต์กว่า 5 ล้านคัน คือพาหนะคู่ใจของคนเมืองหลวงเพราะสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งทางสภากรุงฮานอยได้ให้คำมั่นว่าภายในปี 2030 จะขยายระบบขนส่งมวลชนสาธารณะให้รองรับการเดินทางของประชากรในกรุงฮานอยให้ได้ถึงร้อยละ 50 เพื่อให้มาตรการห้ามขี่จักรานยนต์ในเขตเมืองนั้นได้ผล
ทั้งนี้ มาตรการของสภากรุงฮานอยจะบังคับใช้กับรถจักรยานยนต์หรือยานพาหนะที่มี 2 ล้อเท่านั้น ส่วนรถยนต์หรือยานพาหนะอื่น ๆ ที่มีจำนวนล้อมากกว่า 2 ล้อ นั้นไม่อยู่ในข้อบังคับแต่อย่างใด
เวียดนามเป็นประเทศที่มีอัตราการใช้รถจักรยานยนต์สูงที่สุดในอาเซียน โดยสำนักข่าว Thanh Nien News ในเวียดนามเผยว่าในครึ่งปีแรกของปี 2016 ชาวเวียดนามออกรถยนต์ใหม่ 750 คันต่อวัน แต่อัตราการออกรถจักรยานยนต์ใหม่นั้นสูงถึง 8,000 คันต่อวันเลยทีเดียว