Brexit 2.0 not from EU but from the earth? รัสเซียเตือนอังกฤษถ้าไม่กลัวว่าเกาะอังกฤษจะหายไปจากแผนที่โลกก็เอาสิ หลังรมว.กลาโหมอังกฤษขู่ว่าจะโจมตีประเทศอื่นด้วยอาวุธนิวเคลียร์ก่อนแม้ประเทศนั้นจะไม่ได้โจมตีอังกฤษก็ตาม, การตอบโต้จากกต.รัสเซียกรณีสหรัฐกล่าวหาว่ารัสเซียสนับสนุนอาวุธให้กับพวกตาลีบันโดยไม่มีหลักฐาน
1.) วันที่ 25 เม.ย.60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "หลังจากถูกโจมตีด้วยนิวเคลียร์ อังกฤษอาจจะหายไปจากผิวโลกก็ได้" (After Its Nuclear Attack, the UK Would be 'Wiped Off the Face of the Earth')
เมื่อเร็วๆนี้นาย Michael Fallon รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอังกฤษยืนยันว่า นาง Theresa May นายกรัฐมนตรีของอังกฤษกำลังเตรียมจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการโจมตีเป็นครั้งแรกใน "สถานการณ์ที่สุดโต่งที่สุด" (the most extreme circumstances) ในการแสดงความคิดเห็นต่อการท่าทีของอังกฤษนั้น นาย Frants Klintsevich สมาชิกรัฐสภาของรัสเซียได้เตือนถึงผลร้ายแรงที่จะตามมาจากการกระทำดังกล่าว
วันจันทร์ที่ผ่านมานาย Michael Fallon รมว.กลาโหมอังกฤษยืนยันว่า "นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษกำลังเตรียมจะปล่อยเรือดำน้ำ Trident (ติดตั้งขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์) ในสถานการณ์ที่สุดโต่งที่สุด ซึ่งเป็นการชิงโจมตีก่อน แม้ว่าสหราชอาณาจักรจะไม่อยู่ภายใต้การโจมตีก็ตาม" พูดในรายการ "Today" ของสถานีวิทยุ BBC Radio Four กระบอกเสียงของรัฐบาลอังกฤษ
"ในสถานการณ์ที่สุดโต่งที่สุดนั้น พวกเราได้ตัดสินใจอย่างชัดเจนมากๆว่า คุณไม่อาจจะปฏิเสธการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการโจมตีครั้งแรกได้เลย" นายใหญ่กลาโหมอังกฤษกล่าว
นาย Frants Klintsevich รองประธานคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงแห่งสภาสูงของรัสเซียกล่าวว่า "มันสมควรที่จะได้รับคำตอบที่รุนแรง" และกล่าวว่าตนเองไม่กลัวว่ามันจะเป็นการกระทำที่เกินเลยไป
"อย่างดีที่สุด คำข่มขู่ของนาย Fallon ก็ควรจะถูกมองว่าเป็น 'การทำสงครามทางจิตวิทยาแบบหนึ่ง' ซึ่งในบริบทนี้เป็นการคุกคามที่น่ารังเกียจมากเป็นอย่างยิ่ง หรือไม่ก็อาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่เลวตามปรกติก็ได้ เนื่องจากเกิดคำถามขึ้นมาตามธรรมชาติว่า: ใครกันแน่ที่อังกฤษพร้อมที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีก่อน?" Klintsevich แสดงความคิดเห็นในเฟซบุคของตนเอง
"ถ้าอังกฤาโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ มันก็จะถูกลบออกไปจากผิวโลกแน่นอน จากการโจมตีตอบโต้ต่อดินแดนที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่โตอะไรเลย" Klintsevich โพสต์ข้อความ
Klintsevich เขียนต่ออีกว่า "อย่างไรก็ตาม ถ้านั่นเป็นการต่อต้านมหาอำนาจที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ (a non-nuclear power) ประเทศใดประเทศหนึี่ง ดูเหมือนว่าอังกฤษจะตามหลังการยกย่องสรรเสริญของสหรัฐที่ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ใส่ฮิโรชิม่าและนางาซากิ (ของญี่ปุ่น) ซึ่งไร้การป้องกัน [ในปี 19450]"
2.) วันที่ 25 เม.ย.60 TASS พาดหัวข่าวว่า "นายลาฟรอฟจวกสหรับกรณีกล่าวหาว่ารัสเซียสนับสนุนอาวุธให้พวกตากลีบัน ว่าเป็นการตั้งข้อสังเกตแบบ 'อุ๊ยนั่นปลาแดง' เพื่อเบนความสนใจจากซึเรีย" (Lavrov slams US ‘Russia-arms-Taliban' remarks as ‘red herring' to divert focus from Syria)
วันที่ 24 เม.ย.60 รายงานข่าวต่างประเทศแจ้งว่า นาย Jim Mattis รมว.กลาโหมของสหรัฐ ฉายา "Mad Dog" กล่าวว่ากรุงวอชิงตัน "จะเผชิญหน้ากับรัสเซีย" หลังจากที่ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐได้กล่าวอ้างว่า กรุงมอสโค "กำลังส่งอาวุธไปให้พวกตาลีบัน" โดยไม่มีการระบุ อย่างชัดเจน หรือแสดงหลักฐานใดๆเพื่อสนับสนุนการกล่าวหาที่กรุงมอสโคปฏิเสธ
แถลงการณ์ของกรุงวอชิงตันที่กล่าวหารัสเซียว่าสนับสนุนอาวุธให้พวกตาลีบันในอัฟกานิสถานมีจุดประสงค์เพื่อเบนความสนใจออกจากแผนการณ์ของสหรัฐที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงรัฐบาลซีเรีย นาย Sergey Lavrov รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศรัสเซียกล่าวเมื่อวันอังคารนี้
"ผมพิจารณาว่า มันเป็นความพยายบามที่จะเบี่ยงเบนความสนใจจากบางเรื่องที่เกี่ยวกับปัญหาในซีเรีย พักหลังนี้ข้อสงสัยของพวกเราในเรื่องนี้มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เราสามารถเห็นได้ว่า หุ้นส่วนของพวกเราบางประเทศต้องการที่จะละทิ้งมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาทางการเมืองโดยยึดตามการเจรจาภายในระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลซีเรีย แต่พวกเขาเลือกที่จะหันกลับไปใช้วิธีการเดิมๆเพื่อเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แน่นอนครับ พวกเราคัดค้านความพยาามดังกล่าว" นายลาฟรอฟกล่าว