สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว กรณีองค์กรสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนซีเรีย ( เอสโอเอชอาร์ ) รายงานว่าเครื่องบินรบของกองกำลังพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯ ได้ดำเนินการปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ 2 จุดในเมืองรักกา ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญของกลุ่มไอเอส ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของซีเรีย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันอย่างน้อย 21 คน
ก่อนหน้านั้นเครื่องบินของสหรัฐฯ และพันธมิตรโปรยใบปลิวแจ้งเส้นทางอพยพ ที่ปลอดภัยให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบล่วงหน้าตลอดช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เนื้อหาในใบปลิวกลับยิ่งสร้างความสับสนให้แก่ชาวบ้าน โดยข้อมูลในใบปลิวชุดหนึ่งระบุว่า เส้นทางเลียบชายฝั่งแม่น้ำยูเฟรติส ปลอดภัยกว่า แต่เนื้อหาในใบปลิวอีกชุดหนึ่งกลับเตือนว่า การอพยพด้วยการล่องเรือข้ามแม่น้ำยูเฟรติสเสี่ยงอาจทำให้ตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีทางอากาศ ขณะที่รายงานอีกกระแสหนึ่งระบุว่า กลุ่มไอเอสในเมืองรักกาห้ามพลเรือนอพยพออกจากพื้นที่ เพื่อใช้เป็นโล่มนุษย์รับมือการโจมตีทางอากาศของกองทัพสหรัฐและพันธมิตร
มีรายข่าวเพิ่มเติมว่า ผู้เสียชีวิต 21 คนนั้น มีผู้หญิง และ เด็กอีกอย่างน้อย 6 คน ที่ได้กำลังหลบหนีการสู้รบออกจากเมืองดังกล่าว แต่ทว่ากลับโดนปฎิบัติการโจมตีทางอากาศเสียชีวิตในขณะอพยพนั่นเอง
สถานการณ์สงครามกลางเมืองในซีเรียที่ล่วงเลยเข้าสู่ปีที่ 7 และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 400,000 คนแล้ว ทวีความรุนแรงขึ้นอีกขั้นหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งให้กองทัพเรือสหรัฐฯ ยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์ค 59 ลูก โจมตีฐานทัพอากาศเชย์รัต ในจังหวัดฮอมส์ ที่อยู่ทางตะวันตกของซีเรีย ตอบโต้เหตุการณ์ใช้อาวุธเคมีในจังหวัดอิดลิบ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 86 คน
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
