วันที่ 8 เม.ย.60 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กำลังตรวจสอบหลักฐานว่า รัฐบาลรัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับการใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชนในจังหวัดอิดลิบ ของซีเรีย ในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 86 คน และมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมากหรือไม่ ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์ CNN ได้สอบถามไปถึงรัฐบาลรัสเซียถึงข้อกล่าวหานี้ แต่โฆษกรัฐบาลรัสเซีย ประกาศกร้าวว่า เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง
ล่าสุดสหรัฐฯ ได้เตือนซีเรียว่า ต้องการที่จะถูกโจมตีอีกหรือไม่ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์ค 59 ลูก จากเรือรบที่ประจำการอยู่ในภูมิภาค โจมตีไปยังฐานทัพเชย์ราต ของซีเรีย ซึ่งเชื่อว่าเป็นจุดที่เครื่องบินรบได้นำอาวุธเคมี ไปทิ้งถล่มประชาชน มีรายงานยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก
ขณะที่ซีเรียและรัสเซีย กล่าวหาสหรัฐฯว่า เป็นการกระทำที่ละเมิดกฎหมาย ส่งผลต่อเสถียรภาพระดับภูมิภาค รัสเซียบอกว่าสหรัฐฯวางแผนโจมตีซีเรียตั้งแต่ก่อนที่จะมีรายงานชาวซีเรียเสียชีวิตจากอาวุธเคมีเสียอีก แต่สหรัฐฯให้เหตุผลการโจมตีว่า เป็นหน้าที่ของสหรัฐฯที่จะต้องป้องกันการแพร่กระจายการใช้อาวุธเคมี อีกทั้งรัฐบาลซีเรียยังละเมิดกฎหมายการใช้อาวุธเคมีและไม่สนใจคำเตือนของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯรู้สึกผิดหวังแต่ก็ไม่แปลกใจต่อท่าทีของรัสเซีย ต่อกรณีที่กองทัพสหรัฐฯยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์ค 59 ลูก โจมตีฐานทัพอากาศซีเรียที่เชื่อว่าเก็บอาวุธเคมีเอาไว้เมื่อวันที่7เม.ย.ที่ผ่านมา จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย โดยรัสเซียซึ่งเป็นพันธมิตรของรัฐบาลซีเรียกล่าวโทษว่า การกระทำของสหรัฐฯปลุกระดมให้เกิดการก่อการร้าย และเป็นการโจมตีที่ผิดกฎหมาย และยังให้คำมั่นที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้แก่การป้องกันจากระบบต่อต้านอากาศยานให้แก่ซีเรีย นอกจากนี้รัสเซียยังปิดช่องทางการติดต่อสายด่วนกับสหรัฐฯที่มีไว้เพื่อคอยแจ้งหลีกเลี่ยงการปะทะกันทางอากาศในซีเรียอีกด้วย
ซึ่งท่าทีของรัสเซียทำให้สหรัฐฯรู้สึกผิดหวังที่รัสเซียยังคงเดินหน้าสนับสนุนรัฐบาลซีเรียต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่รัฐบาลซีเรียเพิ่งทำการใช้อาวุธเคมีโจมตีเมืองคาน เชคุน ในจังหวัดอิดลิบ ที่ผ่ายกบฏครอบครองอยู่ จนสังหารพลเมืองของประเทศราว 89 ราย รวมถึงเด็ก 33 ราย และผู้หญิง 18 ราย ไปอย่างโหดเหี้ยม แต่ทางรัฐบาลซีเรียก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ใช้อาวุธเคมี
ด้านนางนิกกิ เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำสหประชาชาติ กล่าวต่อที่ประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี) ว่า สหรัฐฯตัดสินใจโจมตีฐานทัพอากาศซีเรียเพื่อให้แน่ใจว่ารัฐบาลซีเรียจะไม่ใช้อาวุธเคมีอีก และเป็นหน้าที่ของสหรัฐฯที่จะยับยั้งการแพร่ขยายของการใช้อาวุธเคมี แม้สหรัฐฯได้เตรียมการที่จะโจมตีเพิ่มเติม แต่ก็หวังว่าจะไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการเช่นนี้อีก
Cr:: springnews.co.th