เหล่าบรรดาทหารเกาหลีใต้ ได้รับการแจ้งเตือนจากกองทัพ ให้เตรียมการสู้รบเต็มรูปแบบ เพื่อตอบสนองต่อการยั่วยุ หรือ การจู่โจมแบบฉับพลันจากเกาหลีเหนือ หลังจากที่ทางด้านเกาหลีเหนือทำการทดสอบขีปนาวุธ ครั้งล่าสุด
กองทัพเกาหลีใต้ ออกแจ้งเตือนการเตรียมการต่อสู้ที่เต็มอัตราศึกทันทีเพื่อตอบสนองต่อการยั่วยุใด ๆ จากเกาหลีเหนือว่า ทางด้านสำนักข่าวยอนฮับ ได้ให้ข้อมูลว่า กองติดอาวุธของเกาหลีใต้ ได้ระดมสรรพกำลังเข้าสู่เส้นแดนระหว่างสองประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการยับยั้งและตอบสนองต่อภัยคุกคามนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ เตือนว่าความยั่วยุโดยต่อเนื่อง ของเกาหลีเหนือจะนำไปสู่การล่มสลายของระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือ ขณะที่ มีความเคลื่อนไหวทางทหารของเกาหลีใต้ ก็มีข่าวออกมาว่า เวลาไม่เกินภายใน 48 ชั่วโมง ต่อจากนี้ หาก เกาหลีใต้ไม่ถอนกองกำลังหน่วยรบออกจากที่นำกำลังเข้าประชิดพรมแดน บริเวณเส้นขนานที่ 38 นี้ ถูกกั้นให้เป็นเขตกันชนระหว่างสองประเทศ ขนาดกว้าง 4 กิโลเมตร และยาว 248 กิโลเมตร ไปจนตลอดเส้นแบ่งเขตแดน โดยถือว่าเป็นเขตปลอดทหารเกาหลี หรือที่เรียกว่า DMZ (Demilitarized Zone) ทางเกาหลีเหนือ อาจจะตัดสินใจเปิดศึกทันที
ความตึงเครียดครั้งใหม่นี้เกิดขึ้น เนื่องจากเกาหลีเหนือได้ทำการยิงทดสอบขีปนาวุธไปตกในทะเลญี่ปุ่นอีกครั้งเช้าวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา ถือเป็นการประกาศท้าทายก่อนที่ผู้นำสหรัฐฯ และจีนจะพบปะกันตัวต่อตัว โดยคาดว่าจะมีการหยิบยกเรื่องโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือขึ้นมาหารือด้วย
กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้แถลงว่า จรวดลูกนี้เดินทางไปได้ไกลประมาณ 60 กิโลเมตร ขณะที่กองกำลังสหรัฐฯ ระบุว่า จรวดที่เกาหลีเหนือนำออกมายิงคือขีปนาวุธพิสัยกลาง KN-15 ซึ่งไม่เป็นภัยคุกคามต่ออเมริกา
"กองบัญชาการแปซิฟิก (US Pacific Command) ยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับพันธมิตรในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เพื่อรักษาความมั่นคง"
เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันเช่นกันว่าเกาหลีเหนือได้นำขีปนาวุธพิสัยกลางออกมายิง "อีกครั้งหนึ่ง" แล้ว
"สหรัฐอเมริกาพูดถึงเกาหลีเหนือมามากพอแล้ว เราไม่มีอะไรจะพูดอีก" เขากล่าว
รัฐบาลญี่ปุ่นออกมาประณามเช่นเคยว่า การทดสอบจรวดครั้งนี้ถือว่าฝ่าฝืนคำสั่งห้ามของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ "ญี่ปุ่นจะไม่อดทนกับการยั่วยุซ้ำๆ ซากๆ ของเกาหลีเหนือ รัฐบาลขอประท้วงและประณามเรื่องนี้อย่างรุนแรง" โยชิฮิเดะ สุกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุ