สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เลือกนายเทอร์รี แบรนสแตด ผู้ว่าการรัฐไอโอวา พันธมิตรทางการเมืองของตนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีน ให้ดำรงตำแหน่งทูตสหรัฐประจำกรุงปักกิ่ง เป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะสร้างงานในสหรัฐ และยังเปิดเผยด้วยว่า เขาได้ปรึกษากับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ในการเลือกผู้มาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีด้วย
นายทรัมป์ได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์กับจีนออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยแหวกพิธีการทูตด้วยการรับโทรศัพท์จาก น.ส.ไช่ อิง เหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน และยังแสดงความคิดเห็นกล่าวหาจีนในเรื่องการแทรกแซงค่าเงิน การเก็บภาษีไม่เป็นธรรม และการใช้กำลังทหารในทะเลจีนใต้
ด้านจีนที่พิจารณาว่าไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตนออกมาเรียกร้องต่อรัฐบาลสหรัฐเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ให้สกัดกั้นการเดินทางผ่านสหรัฐของผู้นำไต้หวันหลังมีรายงานข่าวหลายชิ้นระบุว่า น.ส.ไช่อาจเดินทางไปยังนครนิวยอร์ก ของสหรัฐเพื่อพบปะหารือกับทีมงานของนายทรัมป์
วันเดียวกัน นายทรัมป์กลับทำในสิ่งที่อาจเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับจีนด้วยการแต่งตั้งนายแบรนสแตดที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดในอดีตตั้งแต่กลางยุคทศวรรษที่ 1980 กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนให้เป็นทูตสหรัฐประจำประเทศจีน
"ประสบการณ์หลายทศวรรษในการรับใช้สาธารณะและความสัมพันธ์ยาวนานกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และผู้นำจีนคนอื่นๆ ของผู้ว่าแบรนสแตด ทำให้เขาเป็นตัวเลือกในอุดมคติที่จะทำหน้าที่ทูตอเมริกาประจำประเทศจีน" นายทรัมป์กล่าว ด้านจีนตอบสนองต่อรายงานข่าวนี้โดยระบุว่า นายแบรนแสตดเป็น "เพื่อนเก่าเพื่อนแก่"
วันเดียวกันนายทรัมป์ยังได้แต่งตั้งจอห์น เคลลี นายพลเกษียณราชการระดับ 4 ดาวแห่งกองทัพเรือ ให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ซึ่งทำหน้าที่ดูแลงานสำคัญบางอย่างรวมถึงการเข้าเมืองและการควบคุมชายแดนที่เป็นประเด็นหลักในการหาเสียงของนายทรัมป์
หากนายพลเคลลีผ่านการรับรองจากวุฒิสภา จะทำให้เป็นนายทหารเกษียณราชการรายที่ 3 ในคณะรัฐมนตรีของนายทรัมป์ต่อจากพลเรือเอก เจมส์ แมททิส ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม และพลโทไมเคิล ฟลินน์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญว่า แม้คนเหล่านี้จะมีความรู้ความสามารถ แต่หากมีจำนวนมากเกินไปจะเป็นการทำลายรากฐานสำคัญของระบอบประชาธิปไตยอเมริกัน ที่ระบุว่าพลเรือนควบคุมกองทัพและรัฐบาล
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในการให้สัมภาษณ์กับเอ็นบีซีวันเดียวกัน นายทรัมป์เปิดเผยว่า เขาชอบนายโอบามามาก และทั้ง 2 คนมี "เคมีที่เข้ากันได้ดี" รวมถึงตนเองยังได้ปรึกษาเรื่องการแต่งตั้งบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งในรัฐบาลกับนายโอบามาด้วย
ด้านทำเนียบขาวแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างรอบคอบ โดยนายจอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาวเปิดเผยในการแถลงข่าวประจำวันว่า "ประธานาธิบดีโอบามายินดีที่ได้แสดงบทบาทในการถ่ายโอนอำนาจให้เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิผล"