ศางสั่งแช่แข็งร่าง ด.ญ. เหตุป่วยเป็นมะเร็งรอกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ว่า เด็กหญิงวัย 14 ปีจากกรุงลอนดอน ได้เขียนหนังสือคำร้องถึงศาลว่า ต้องการที่จะมีชีวิตที่ยืนยาวกว่านี้ หลังจากเธอป่วยเป็นมะเร็งชนิดหายาก เธอจึงได้ค้นคว้าและตัดสินใจขอให้มีการแช่แข็งร่างของเธอไว้ก่อน โดยหวังว่าเธอจะกลับมามีชีวิตได้อีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของเทคนิคการแพทย์ในอนาคตที่มีวิวัฒนาการล้ำหน้า

“ฉันอายุ 14 ปี ไม่อยากตาย แต่รู้ว่าตอนนี้กำลังจะตาย” เธอเขียนถึงศาล

เด็กหญิงทำเรื่องร้องขอตามกฎหมาย เพื่อขอให้แม่ของเธอซึ่งเป็นบุคคลเดียวที่สนับสนุนความคิดนี้ของเธอ อนุญาตให้ดำเนินการเรื่องแช่แข็งร่างของเธอไว้ โดยพ่อแม่ของเธอนั้นหย่าขาดจากกัน ซึ่งทางพ่อนั้นตอนแรกก็ไม่เห็นด้วย

ส่วนผู้พิพากษาปีเตอร์ แจ๊คสัน ตัดสินให้ดำเนินการตามคำร้องขอของเด็กหญิงได้ตั้งแต่เดือนต.ค.ที่ผ่านมา หลังไต่สวนเป็นการภายในที่ศาลในอังกฤษและเวลส์ แต่เด็กหญิงนั้นป่วยหนักจนไปร่วมรับฟังการไต่สวนไม่ได้แล้วก็เสียชีวิต ร่างของเธออยู่ที่สหรัฐและทำการแช่แข็งเอาไว้

ขณะที่สถาบันแช่แข็งของสหรัฐ ออกแถลงการณ์ระบุว่า ร่างของเด็กหญิงถูกนำมาที่สถาบันโดยแช่อยู่ในน้ำแข็งแห้ง เมื่อเวลา 17.00 น.ของวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวลา 8 วันหลังเสียชีวิตและนับเป็นคนไข้ลำดับที่ 144 ของสถาบัน

สำหรับค่าธรรมเนียมแช่แข็งนั้น ต่ำสุดคิดราคา 28,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 980,000 บาท) ตามรายงานในเว็บไซต์ ส่วนเดอะ ไทมส์ รายงานว่า สถาบันคิดค่าธรรมเนียมจากครอบครัวของเด็กหญิง 46,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.61 ล้านบาท)

เรื่องนี้ยังไม่เป็นที่เปิดเผยจนกระทั่งวันศุกร์ที่ 18 พ.ย.ตามความปรารถนาของเด็กหญิง ซึ่งไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนด้วย

ผู้พิพากษาแจ๊คสัน กล่าวด้วยว่า การตัดสินใจอนุญาตให้ทำการแช่แข็งร่างของเด็กหญิงนั้น ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความขัดแย้งของผู้ปกครองของเด็กหญิงและผลสรุปที่ดีที่สุดเพื่อความสุขของเด็กหญิง หาใช่เพราะผลทางวิทยาศาสตร์ไม่