เมื่อ 16 ปีที่แล้ว หรือเมื่อปี 2000 จางหลี่เหวย ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีพกพาอาวุธปืนและแทงคนตาย 3 ราย ที่มณฑลเฮยหลงเจียง ทางตอนเหนือสุดของประเทศจีน หลังก่อเหตุจางหลบหนีหัวซุกหัวซุนมายังมณฑลอันฮุยทางตอนกลางของประเทศ ห่างจากที่เกิดเหตุถึง 2,000 กม. ตอนแรกก็จัดการเปลี่ยนชื่อแซ่เป็น ซุนหงเถา แล้วทำงานเป็นคนเก็บค่าเข้าและคนครัวในวัด ต่อมายังสามารถจดทะเบียนราษฎร์ด้วยชื่อปลอมอีกต่างหาก เรียกได้ว่าโอกาสที่จะถูกตามจับตัวน้อยเต็มทีแล้ว
หลังจากทำงานกับพระกับเจ้าอยู่ได้สักพัก ไม่รู้เกิดดวงตาเห็นธรรมหรือสบช่องกบดาน จางก็ตัดสินใจโกนหัวบวชเป็นหลวงจีนที่วัดแห่งหนึ่งบนภูเขาจิ่วหัวซาน สถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาของจีนในปี 2002 แถมต่อมายังได้เข้าไปอยู่ที่วัดหลงซิง ซึ่งเป็นวัดสำคัญในอำเภอเฟิงหยาง เท่านั้นยังไม่พอ หลวงจีนอดีตฆาตกรยังได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติประจำเมืองฉูโจว แถมยังได้รับความไว้วางใจจากเจ้าอาวาสวัดหลงซิง ถึงขนาดที่เมื่อเจ้าอาวาสมรณภาพแล้ว ได้สั่งให้ลูกวัดเลือกจางเป็นเจ้าอาวาสท่านต่อไปในปี 2014
เจ้าอาวาสรูปนี้มีผลงานโดดเด่นไม่เบา ไม่เพียงพัฒนาที่พักของพระภิกษุสงฆ์และอาคารต่างๆ ในวัด แต่ยังบริจาคเงินให้กับการกุศลเป็นเงินถึง 1 ล้านหยวน และยังให้การอุปถัมภ์ทางการเงินแก่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าถึง 2 แห่ง เรียกได้ว่าเป็นเจ้าอาวาสตัวอย่างของวงการสงฆ์จีนเลยก็ว่าได้ แถมยังได้รับการแต่งตั้งเป็นรองประธานสมาคมพุทธเมืองฉูโจว และประธานสมาคมชาวพุทธอำเภอเฟิงหยาง
แต่ความลับของจางมาแตกเอาก็ตอนที่เจ้าอาวาสยื่นเรื่องขอหนังสือเดินทางและต้องประทับลายนิ้วมือ ปรากฏว่าลายนิ้วมือของเจ้าอาวาสผู้ใจบุญกลับไปตรงกับของผู้ต้องสงสัยฆ่าคนตายเมื่อหลายปีก่อน ตำรวจจึงทำการสืบสวนสอบสวน จนพบความจริงว่า เจ้าอาวาสวัดหลงซิงคือ จางหลี่เหวย ฆาตรกรที่หนีหายเข้ากลีบเมฆเมื่อ 16 ปีก่อน
ตอนนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าหลวงพ่อจางหลี่เหวยเกิดซึ้งในรสพระธรรมจึงได้บวชเป็นพระแล้วกลับตัวกลับใจทำตัวเป็นบุคคลตัวอย่างของสังคม หรือว่าคิดใช้ผ้าเหลืองซ่อนตัวเองจากอาชญากรรมในครั้งอดีตกันแน่
ที่มา : Posttoday.com