ผู้นำฝรั่งเศสแถลงเหตุรถบรรทุกพุ่งชนกลุ่มคนที่เมืองนีซ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 77 ราย เป็นการก่อการร้าย พร้อมต่อเวลาประกาศภาวะฉุกเฉินอีก 3 เดือน
เกิดเหตุรถบรรทุกพุ่งชนกลุ่มคนบริเวณถนนเดส์ ซ็องเกลส์ ในเมืองนีซ ทางใต้ของฝรั่งเศส ช่วงค่ำวานนี้ (14 ก.ค.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วประมาณ 77 ราย และผู้บาดเจ็บอีกราว 50 ราย แต่คาดว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจมีการเปลี่ยนแปลง ส่วนคนขับรถบรรทุกคันดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเสียชีวิต และเมื่อตรวจค้นภายในรถพบว่ามีปืนและระเบิดมือจำนวนหนึ่งด้วย
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่ารถบรรทุกคันก่อเหตุแล่นมาด้วยความเร็วสูง และพุ่งเข้าใส่กลุ่มคนที่กำลังเดินกลับจากงานแสดงพลุฉลองวันชาติฝรั่งเศส โดยรถยังแล่นต่อไปอีกราว 2 กม. ทำให้ผู้ถูกชนล้มลงไปบนถนน และกลุ่มคนอื่นๆ วิ่งหนีออกจากที่เกิดเหตุกันอย่างชุลมุน ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานด้วยว่ามีผู้ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดหลังเกิดเหตุรถบรรทุกพุ่งชนคน แต่ยังไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐบาลคนใดยืนยันข้อเท็จจริง
นายฟรองซัวส์ โอลล็องด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส แถลงว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการก่อการร้าย และฝรั่งเศสยังตกเป็นเป้าโจมตีของกลุ่มก่อการร้าย พร้อมทั้งขยายเวลาประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศต่อไปอีก 3 เดือน หลังประกาศภาวะฉุกเฉินก่อนหน้านี้มีกำหนดสิ้นสุดวาระในวันที่ 26 ก.ค. และนายโอลล็องด์ระบุด้วยว่ากองทัพฝรั่งเศสจะเพิ่มระดับปฏิบัติการทางทหารในอิรักและซีเรียด้วย
ด้าน นายปิแอร์ อองรี บรองเดต์ โฆษกกระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศส ยืนยันว่าไม่มีการจับตัวประกันตามที่สื่อบางสำนักรายงานข่าว แต่ยังระบุไม่ได้ว่าผู้ก่อเหตุลงมือเพียงลำพังหรือมีผู้สมรู้ร่วมคิด ขณะที่นายแบร์นาร์ด กัซเนิฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศส เดินทางไปยังเมืองนีซทันทีเพื่อติดตามความคืบหน้าการสอบสวนคดี และรายงานข่าวระบุว่าวันก่อเหตุมีนัยสำคัญ เพราะเป็นวันชาติและวันทลายคุกบัสตีญ์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการปฏิวัติฝรั่งเศสเมื่อปี พ.ศ.2332
นอกจากนี้ นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แถลงประณามผู้ก่อเหตุขับรถบรรทุกชนคนในเมืองนีซ โดยระบุว่าเป็นเหตุก่อการร้ายที่สะเทือนขวัญ และนายโอบามาได้หารือกับคณะที่ปรึกษาประจำสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เพื่อรับทราบข้อมูล รวมถึงประเมินสถานการณ์เพิ่มเติม