สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงไทเป สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ว่า กลุ่มคนร้ายที่ติดตั้งโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทำให้เครื่องรับจ่ายเงินอัตโนมัติ (ตู้เอทีเอ็ม) จ่ายเงินสดกว่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กำลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามล่าตัว
แถลงการณ์ของธนาคารเฟิร์สต์ คอมเมอร์เชียล แบงค์ (เอฟซีบี) เมื่อวันอังคาร กล่าวว่า กลุ่มคนร้ายอาจจะติดตั้งโปรแกรมมัลแวร์ ที่ตู้เอทีเอ็ม 34 ตู้ของเอฟซีบีในกรุงไทเป และขโมยเงินสดไปได้ โดยไม่ต้องปฏิบัติการกับตู้โดยตรง
ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็น ชาย 2 คนสวมหน้ากากและหมวกปิดบังใบหน้า เดินออกจากตู้เอทีเอ็มพร้อมกับถุงที่เต็มไปด้วยเงินสด ที่ถอนโดยตรงจากตู้ รวมจำนวนเงิน 70 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (2.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 77 ล้านบาท)
จากการเปิดเผยของสำนักงานตำรวจกรุงไทเป ผู้ต้องสงสัยอย่างน้อย 2 คนมีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นชายชาวรัสเซีย และชาวต่างชาติอีกหนึ่งคน ที่ยังไม่ทราบสัญชาติ และเบื้องต้นยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า กลุ่มผุ้ต้องสงสัยขโมยเงินจำนวนมาก ไปจากตู้เอทีเอ็มได้อย่างไร ตำรวจเข้าใจว่า นี่นับเป็นครั้งแรก ที่การก่ออาชญากรรมด้วยวิธีนี้ ถูกค้นพบในไต้หวัน
แถลงการณ์ของเอฟซีบี ระบุอีกว่า กลุ่มคนร้ายใช้เวลาประมาณ 5 - 10 นาที ในการขโมยเงินจากตู้เอทีเอ็มแต่ละแห่ง จากทั้งหมด 34 ตู้ ของธนาคารสาขาของเอฟซีบี 20 แห่ง ในช่วงสุดสัปดาห์ และหลังเกิดเหตุ ธนาคารเอฟซีบีสั่งปิดตู้เอทีเอ็มรุ่นเดียวกันกับที่ถูกขโมยเงิน กว่า 400 ตู้
ตู้เอทีเอ็มรุ่นเดียวกันอีกกว่า 700 ตู้ในไต้หวัน ที่ดำเนินการโดยธนาคารอื่นๆ 6 แห่ง ถูกปิดให้บริการลูกค้าเป็นการชั่วคราวเช่นกัน
ตำรวจเผยอีกว่า ผุ้ต้องสงสัยชาวรัสเซียเดินทางจากออกจากไต้หวันแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ (10 ก.ค.) ทางการไต้หวันได้ขอความช่วยเหลือจาก องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (อินเตอร์โพล).