โฆษกด้านความมั่นคงของซาอุดิอาระเบีย เปิดเผยว่า เหตุระเบิดฆ่าตัวตายครั้งแรกใกล้กับสถานทูตสหรัฐและมัสยิดในเมืองเจดดาห์ ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต โดยกระทรวงมหาดไทยระบุว่า ผู้ก่อเหตุคือ อับดุลเลาะห์ คัลซาร์ ข่าน ชาวปากีสถาน ที่อยู่อาศัยในเมือง เจดดาห์นานกว่า 12 ปี
เหตุระเบิดฆ่าตัวตายครั้งที่ 2 เกิดขึ้นใกล้กับมัสยิดของชุมชนมุสลิมนิกาย ชีอะห์ในจังหวัดกาทิฟ ทางตะวันออกของซาอุดิอาระเบีย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่า ผู้ก่อเหตุต้องการโจมตีภายใน มัสยิด แต่ไม่สำเร็จ จึงตัดสินใจจุดระเบิด ฆ่าตัวตายบริเวณนอกมัสยิด ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถระบุสัญชาติได้
ขณะที่เหตุระเบิดฆ่าตัวตายครั้งที่ 3 เกิดขึ้นที่มัสยิดศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลามในเมืองเมดินะห์ โดยผู้ก่อเหตุจุดระเบิดที่ลานจอดรถของมัสยิด ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บ 5 ราย
นอกจากนี้ ยังเกิดเหตุระเบิดฆ่า ตัวตายใกล้ศูนย์บัญชาการตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซีย ในเมืองโซโล มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย และคาดเป็นฝีมือของกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส)
ทั้งนี้ ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเหตุก่อการร้ายในประเทศมุสลิมอย่างน้อย 4 ครั้ง โดยเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. เกิดเหตุระเบิดไนต์คลับในกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 2 รายเชื่อมโยงกับไอเอสในซีเรีย ถือเป็นเหตุก่อการร้ายครั้งแรกในประเทศที่เกี่ยวข้องกับไอเอส
วันเดียวกันเกิดเหตุกราดยิงและระเบิดฆ่าตัวตายที่สนามบินอาตาเติร์ก เมืองอิสตันบูล ตุรกี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 45 ราย และนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับกลุ่มไอเอสอีก 30 ราย
ถัดมาในวันที่ 1 ก.ค. เกิดเหตุบุกจับและสังหารตัวประกัน 20 ราย ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านสถานทูตในกรุงธากา บังกลาเทศ โดยทางการบังกลาเทศเชื่อว่าผู้ก่อเหตุ เป็นสมาชิกของกลุ่มก่อการร้ายท้องถิ่น จามาเอตุล มูจาฮีดีน
ต่อมาในวันที่ 3 ก.ค. เกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ 2 ครั้งในกรุงแบกแดด อิรัก โดยครั้งแรกเกิดขึ้นที่เขตคาราดา ย่านการค้าสำคัญในกรุงแบกแดด ซึ่งกลุ่มไอเอส ออกมาอ้างตัวเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุดังกล่าว ระบุว่าต้องการโจมตีชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ ขณะที่เหตุระเบิดแสวงเครื่องครั้งที่ 2 โจมตีทางตะวันออกของกรุงแบกแดด ทั้งนี้เหตุระเบิดดังกล่าวทั้งสองครั้งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดกว่า 165 ราย
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday